Everyday knowledge for you
ท่องเที่ยว
09/05/2025
เครื่องบินดีเลย์ เที่ยวบินล่าช้า ได้อะไรชดเชยบ้าง นักเดินทางต้องรู้เครื่องบินดีเลย์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เสมอจากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศไม่ดี ปัญหาทางเทคนิคของเครื่องบิน หรือปัญหาความปลอดภัย หากพบว่าเครื่องดีเลย์ ควรสอบถามข้อมูลกับสายการบิน ขอเอกสารรับรอง และตรวจสอบสิทธิ์ในการชดเชยค่าใช้จ่ายเครื่องดีเลย์ คืออะไรเครื่องดีเลย์ (Flight Delay) หมายถึง เที่ยวบินออกเดินทางล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ในการเดินทางทางอากาศ อาจเป็นการดีเลย์เพียงไม่กี่นาที หรือยาวนานเป็นชั่วโมง หรืออาจถึงขั้นยกเลิกเที่ยวบินเลยก็ได้เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านเหตุการณ์ที่เที่ยวบินเกิดความล่าช้า เครื่องบินดีเลย์ รู้หรือไม่ว่าผู้โดยสารทุกคน มีสิทธิ์ได้รับการชดเชยตามระยะเวลาที่ล่าช้า นักเดินทางต้องรู้ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดังนี้เครื่องบินดีเลย์ สายการบินชดเชยอะไรบ้าง • ล่าช้าเกินกว่า 2-3 ชั่วโมง: ผู้โดยสารมีสิทธิ์ได้รับอาหารและเครื่องดื่มจากสายการบินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย • ล่าช้าเกินกว่า 3-5 ชั่วโมง: นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ผู้โดยสารยังสามารถเลือกที่จะรับเงินคืนค่าโดยสารสำหรับส่วนของการเดินทางที่ยังไม่ได้ใช้ หรือให้สายการบินจัดหาเที่ยวบินหรือวิธีการขนส่งอื่น ๆ ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย • ล่าช้าเกินกว่า 5-6 ชั่วโมง: ผู้โดยสารมีสิทธิ์ได้รับการชดเชยเพิ่มเติมเป็นเงินสดจำนวน 1,200 บาท และหากต้องค้างคืน สายการบินต้องจัดหาที่พักและการเดินทางไปยังที่พักให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย • หากเที่ยวบินล่าช้าเกิน 6 ชั่วโมง จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก ผู้โดยสารมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย 1,200 บาท เช่นเดียวกับกรณีล่าช้า 5-6 ชั่วโมงสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินดีเลย์เครื่องบินดีเลย์ อาจเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งบางสาเหตุอยู่เหนือการควบคุมของสายการบิน1. ปัญหาสภาพอากาศ สภาพอากาศแปรปรวน เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง พายุหิมะ หมอกลงจัด หรือกระแสลมแรง อาจทำให้เที่ยวบินต้องรอจนกว่าสภาพอากาศจะกลับมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัย2. ปัญหาทางเทคนิคของเครื่องบิน หากพบว่ามีปัญหากับระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า หรือระบบอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน เครื่องบินอาจต้องได้รับการตรวจสอบหรือซ่อมแซมก่อนออกเดินทาง3. ไฟลท์ขาเข้าล่าช้า หากเครื่องบินขาเข้ามาถึงสนามบินช้ากว่ากำหนด อาจทำให้เที่ยวบินขาออกต้องล่าช้าไปด้วย เนื่องจากต้องรอการเตรียมพร้อมของเครื่องบิน4. ปัญหาความปลอดภัย หากพบสิ่งผิดปกติ เช่น วัตถุต้องสงสัยหรือภัยคุกคามใดๆ ทางสายการบินอาจต้องชะลอเที่ยวบินเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เมื่อเจอเครื่องดีเลย์ ควรทำอย่างไร?หากพบว่าเครื่องบินล่าช้า ไม่ต้องตกใจ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้1. สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สายการบิน – ตรวจสอบสาเหตุและระยะเวลาที่ต้องรอ2. ขอเอกสารรับรองการดีเลย์ – เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานในการขอคืนเงินหรือเคลมประกัน3. เก็บหลักฐานสำคัญ – เช่น ตั๋วโดยสาร ใบเสร็จค่าอาหาร หรือที่พักที่จองล่วงหน้า4. ตรวจสอบสิทธิ์ในการชดเชย – หากเที่ยวบินดีเลย์เกิน 2 ชั่วโมง อาจมีสิทธิ์ได้รับอาหาร เครื่องดื่ม หรือค่าชดเชยจากสายการบิน5. ติดต่อสายการบินเพื่อขอเปลี่ยนเที่ยวบิน – หากเที่ยวบินล่าช้ามากจนกระทบแผนการเดินทางอย่างไรก็ตาม หากความล่าช้า เกิดจากเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสายการบิน เช่น สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย สถานการณ์ทางการเมือง หรือปัญหาด้านความปลอดภัย สายการบินอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสด แต่ยังคงต้องดูแลผู้โดยสารด้วยอาหาร เครื่องดื่ม และการจัดหาที่พักหากจำเป็นสำหรับเครื่องบินดีเลย์ เที่ยวบินระหว่างประเทศ สิทธิ์ในการชดเชยอาจแตกต่างกันไป ควรตรวจสอบกับสายการบินหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันขอขอบคุณข้อมูล :สายการบินล่าช้าต้องชดเชยอย่างไรแหล่งที่มาข่าวและภาพ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451803/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
09/05/2025
คปภ.จัดประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการมีส่วนร่วมด้านการประกันภัย ครั้งที่ 1/2568 ชี้แจงทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ Copayment ที่ประชุม “เห็นชอบ” ให้บริษัทประกันภัยเพิ่มเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่ายได้ ควบคุมพฤติกรรมการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้องเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการมีส่วนร่วมด้านการประกันภัย ประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาประกันภัย กรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยของสัญญาประกันภัยสุขภาพโดยมีผู้แทนจากหน่วยงาน ประกอบด้วย สภาธุรกิจประกันภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมสำหรับการประชุมครั้งนี้ ได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งการร่วมจ่ายจะมีผลบังคับใช้เฉพาะในปีถัดไป หากผู้เอาประกันภัยเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้กรณีที่ 1 การเคลมเป็นผู้ป่วยใน ด้วยกลุ่มโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Disease) และไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ให้ต้องรักษาตัวแบบผู้ป่วยใน และมีการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรวมตั้งแต่ 200%กรณีที่ 2 การเคลมเป็นผู้ป่วยใน ที่ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ ที่มีการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรวมกันตั้งแต่ 400% โดยในแต่ละกรณีให้กำหนดสัดส่วน Copayment ได้สูงสุดไม่เกิน 30%และหากเข้าทั้งกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 กำหนดสัดส่วน Copayment ได้สูงสุดไม่เกิน 50% ของค่ารักษาที่ได้รับความคุ้มครองในปีถัดไป ซึ่งการกำหนดสัดส่วนดังกล่าวเป็นการกำหนดเป็นขั้นสูงสุด การจะกำหนดสัดส่วนเป็นเท่าใดในแต่ละกรณีจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละบริษัท โดยสำนักงาน คปภ.จะทำหน้าที่กำกับการคิดเบี้ยประกันภัยสุขภาพ และดูแลเงื่อนไขการร่วมจ่ายให้มีความเป็นธรรมโดยที่ประชุมเห็นชอบให้บริษัทประกันภัยสามารถเพิ่มเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่ายได้ใน 3 กรณี เพื่อควบคุมพฤติกรรมการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดการใช้สิทธิในการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลโดยมิชอบนอกจากนี้ ได้หยิบยกประเด็นเรื่องการสื่อสารประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับ Copayment เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการร่วมกัน โดยใช้ช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Copayment อย่างถูกต้องและทั่วถึง ควบคู่กับการปรับรูปแบบการสื่อสารโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายนอกจากนี้จะต้องสื่อสารไปยังตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิตให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่นำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชน หากตรวจพบว่าอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิตได้ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ.จะนำข้อเสนอแนะที่ได้รับจากที่ประชุมมาปรับใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้การควบคุมการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระยะยาวต่อไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1774649
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
09/05/2025
สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เดินหน้าป้องปรามการฉ้อฉลประกันภัย หลังพบการจัดฉากเคลมค่าสินไหมทดแทนรวมกว่า 14 ล้านบาทเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานงานแถลงข่าว ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยนายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กรณีพบว่ามีกลุ่มบุคคลวางแผนจัดทำประกันภัยรถยนต์หลายฉบับ และสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อนำไปสู่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ นั้นจากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะ 3 คันที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีกรมธรรม์ประกันภัยซ้ำซ้อนรวม 34 ฉบับ จากบริษัทประกันภัย 15 แห่ง โดยกรมธรรม์ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นภายใน 10 วัน ก่อนเกิดเหตุ และบางฉบับทำขึ้นในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ ไม่มีการแจ้งเหตุไปยังบริษัทประกันภัยทั้ง 15 แห่งในวันเกิดเหตุ และไม่พบรายงานการเข้าตรวจสอบจากหน่วยกู้ชีพ ขณะที่ลักษณะบาดแผลของผู้เสียชีวิตไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น อีกทั้งญาติของผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและปฏิเสธการ ชันสูตรพลิกศพ ความร้ายแรงที่เกิดขึ้นจึงอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลประกันภัย เพราะถือเป็นกรณีที่ไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติการณ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยมีเจตนาทุจริตจากการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจหลายฉบับซ้ำซ้อนกันดังเช่นกรณีนี้มาก่อน โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้หารือร่วมกับบริษัทประกันภัย ที่เกี่ยวข้อง และมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ในข้อหาฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญาเลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย โดยได้พัฒนาและจัดทำระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัยด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย อาทิ การทำประกันภัยซ้ำซ้อนในระยะเวลาสั้น ๆ หรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยด้วยรถยนต์ทะเบียนเดียวกันสูงผิดปกติ ภายในระยะเวลา 90 วัน หรือตรวจพบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนบ่อยครั้งในช่วงระยะเวลา 90 วัน เป็นต้น ซึ่งเมื่อระบบดังกล่าวตรวจพบความผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบทันที และจะมีการเรียกบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือก่อนดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกับกรณีนี้ โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถปรับเงื่อนไขการตรวจจับการฉ้อฉลประกันภัยได้ตลอดเวลา เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยสำนักงาน คปภ. จะส่งสำนวนให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ การกำกับของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้ดำเนินคดี หรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจที่มีเขตอำนาจ โดยดำเนินคดี ฉ้อฉลประกันภัยไปแล้วกว่า 46 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท และเตรียมดำเนินการเพิ่มเติมอีก 21 คดี“สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย โดยจะมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัย ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ตรวจจับกรณีที่มีความผิดปกติให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วได้แบบ Real Time แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการคุ้มครองประชาชนที่มีการเรียกสินไหมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้ายแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/607837
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
09/05/2025
เตรียมเช็กอิน! กทม.ผนึกพันธมิตร จัดแสดง “KAWS:HOLIDAY THAILAND” อาร์ตทัวร์ขนาดใหญ่ผลงานของ ไบรอัน ดอนเนลลีย์ พ.ค.นี้สิ้นสุดการรอคอย!ใครที่เป็นแฟนคลับของ KAWS ล่าสุดกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ออลไรท์รีเซิร์ฟ และพันธมิตร ร่วมนำเสนอบทใหม่ของการเดินทาง เชิญชวนผู้ชมให้หยุดพัก ไตร่ตรอง และสัมผัสศิลปะในมุมมองใหม่ ของการจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก “KAWS:HOLIDAY THAILAND” อาร์ตทัวร์ประติมากรรม COMPANION ขนาดมหึมา ของ ไบรอัน ดอนเนลลีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “KAWS” ที่เดินทางจัดแสดงมาแล้วทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2018คนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”สำหรับ 'KAWS:HOLIDAY' ได้เดินทางข้ามทวีปและฝากร่องรอยไว้ตามสถานที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โซล ไทเป ฮ่องกง โตเกียว บริสตอล สิงคโปร์ เมลเบิร์น ยอกยาการ์ตา ทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา ฉางไป่ซาน หรือแม้แต่ห้วงอวกาศ ล่าสุดจากเซี่ยงไฮ้ สู่เลอ บราซูส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และครั้งนี้เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างศิลปะ สภาพแวดล้อม และมรดกทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องคนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”เตรียมพบกับประติมากรรม COMPANION ขนาดมหึมาในเดือนพฤษภาคมนี้ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางศิลปะระดับโลก ในงาน “KAWS:HOLIDAY THAILAND” ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี ระหว่างวันที่ 13 – 25 พ.ค.68 ทั้งนี้จะมีการเปิดเผยสถานที่จัดแสดงประติมากรรมในเร็ว ๆ นี้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่ KAWS:HOLIDAY THAILAND จะมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ ขอบคุณพันธมิตร เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ KAWS ศิลปินชื่อดังระดับโลก ที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น เพราะเชื่อว่าเมืองที่ดีไม่ใช่เมืองที่มีแต่ตึกรามบ้านช่อง แต่เป็นเมืองที่มีพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนมาใช้ประโยชน์ได้ มีงานศิลปะที่ประชาชนมาชื่นชมได้ หัวใจคือการพัฒนาเรื่อง Art scene ในกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"หลายคนบอกว่าช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ศิลปะในกรุงเทพฯ ดีขึ้น ซึ่งประโยชนที่ได้มีหลายมิติ สำคัญที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะจะมีแฟนคลับของศิลปินเดินทางมาจากทั้งในและนอกประเทศมาชมผลงานที่จัดแสดงในกรุงเทพฯ ทำให้เม็ดเงินหลั่งไหลไปสู่ธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ถึงระดับรากหญ้า นอกจากนี้ชาวกรุงเทพฯ ยังได้ชมผลงานศิลปะระดับโลก ที่ กทม. เองก็สนับสนุนศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศมาตลอด เพราะหัวใจของศิลปะคือความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต การที่ผู้คนได้เห็นผลงานดี ๆ จะทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ที่จะผลักดันให้เมืองสร้างสรรค์และพัฒนาไปข้างหน้า"คนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/lifes.../travel-shopping/622266
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
09/05/2025
ถ้าพูดถึงสถานที่ที่ดูเหมือนมาจากต่างดาว "เกาะโซโคตรา" (Socotra Island) แห่งประเทศเยเมน หลายคนต่างจะบอกว่าเกาะ Socotra เต็มไปด้วยต้นไม้ประหลาด เหมือนอยู่นอกโลก แท้จริงแล้วเกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น หนึ่งในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สุดในโลก เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น โดยเฉพาะ "ต้นเลือดมังกร" (Dragon’s Blood Tree) ที่ดูเหมือนร่มกลับหัว พร้อมน้ำยางสีแดงเข้มราวกับเลือด มาทำความรู้จักเกาะ Socatra กันเพิ่ม ต้นไม้ประหลาดนี้คือต้นอะไร ที่นี่มีคนอาศัยอยู่ไหมมีคนอาศัยอยู่ไหมเกาะโซโคตรามีประชากรประมาณ 60,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองที่ใช้ภาษาถิ่นของตัวเองชื่อว่า ภาษาโซโคตรี (Soqotri) ซึ่งเป็นภาษาหายากที่สืบทอดมาหลายพันปี คนที่นี่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เน้นการทำประมง ปศุสัตว์ และเกษตรกรรมความโดดเด่นของเกาะเนื่องจากเกาะโซโคตราแยกตัวจากแผ่นดินใหญ่มานานกว่า 20 ล้านปี พืชและสัตว์ที่นี่จึงวิวัฒนาการเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่า "กาลาปากอสแห่งมหาสมุทรอินเดีย"ต้นไม้ประหลาดบนเกาะแห่งนี้ต้นไม้ที่พบได้เฉพาะที่นี่ไม่เพียงแต่ต้นเลือดมังกรเท่านั้น แต่ยังมี ต้นแตงกวายักษ์ทะเลทราย (Desert Rose) ที่ลำต้นอวบอ้วนเหมือนขวด และออกดอกสีชมพูสวยงาม ทำให้ทิวทัศน์ของเกาะโซโคตราดูเหมือนโลกแฟนตาซีที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากนี้ ยังมีสัตว์เฉพาะถิ่น เช่น นกหายากและกิ้งก่าพันธุ์พิเศษ ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอันโดดเดี่ยวของเกาะชายหาดสุดอันซีนไม่เพียงแต่ป่าไม้แปลกตา แต่เกาะโซโคตรายังมี ชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการสำรวจแนวปะการังหรือชมฝูงโลมา อีกทั้งยังมี ถ้ำหินปูนและภูเขาหินขรุขระ ที่ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งอย่างแท้จริงเกาะแห่งมรดกโลกเกาะโซโคตราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก แต่ด้วยความที่การเดินทางมายังเกาะนี้ค่อนข้างยาก ทำให้ยังคงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางสายผจญภัยที่ต้องการสำรวจสถานที่แปลกใหม่เกาะโซโคตราอาจจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม แต่สำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร และชื่นชอบการเดินทางแบบอันซีน นี่คือสถานที่ที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้ง!แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1452003/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
08/05/2025
สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย เชิญชวนผู้สนใจชมนิทรรศการ Extra Chromosome เนื่องในวันดาวน์ซินโดรมโลก 21 มีนาคม ซึ่งนอกจากจะนำเสนอผลงานศิลปะที่สวยงามจากฝีมือของศิลปินที่มีภาวะดาวน์ซินโดรมแล้ว นิทรรศการนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคมที่มีต่อผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม และทำให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่แตกต่างจากศิลปินทั่วไป พร้อมส่งต่อแนวคิดสำคัญว่า “ความสามารถไม่ได้ถูกกำหนดด้วยจำนวนโครโมโซม”Extra Chromosome จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Just like you แค่โครโมโซมหนึ่งที่เกินมา นอกนั้นไม่แตกต่าง เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 21-23 มีนาคม 2568 ที่ชั้น 5 เซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณ Craft Studio Zoneโดยในวันเปิดงาน 21 มีนาคม 2568 นอกจากจะมีขบวนพาเหรดของน้อง ๆ ที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม ออกไปประชาสัมพันธ์การจัดงานแล้ว ในเวลา 15.00 น.ยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้ร่วมงานได้มารับรู้เรื่องราว แลกเปลี่ยนมุมมอง และสัมผัสศักยภาพที่เต็มไปด้วยพลังบวกของพวกเขา โดยมี คุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคู่รักนักแสดงชื่อดัง โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ และ ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ มาร่วมพูดคุย แบ่งปันมุมมอง และรณรงค์ผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กชอปให้ผู้สนใจได้มาร่วมวาดภาพพร้อมกับศิลปินเจ้าของผลงานที่นำมาจัดแสดงด้วยนิทรรศการ Extra Chromosome ได้รวบรวมผลงานภาพวาดสีอะคริลิกบนผืนผ้าใบรวม 40 ชิ้น มีทั้งภาพ Portrait ภาพ Abstract รวมไปถึงภาพสิ่งของที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองพิเศษของศิลปินเอ็กซ์ตร้าโครโมโซม ซึ่งน้อง ๆ กลุ่มนี้มีมุมมองที่แตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสามารถพิเศษที่น่าทึ่ง ผลงานที่ถ่ายทอดออกมานับเป็นเพียวอาร์ต มีความบริสุทธิ์ เป็นอิสระ ไม่ติดกรอบ ไม่ผ่านกระบวนการเลียนแบบใด ๆ ซึ่งศิลปินเจ้าของผลงานทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจที่จะไปแสดงงาน และอยากให้มีคนเข้ามาชมงานของพวกเขามาก ๆแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451947/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
08/05/2025
ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน บานชมพูสะพรั่งอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 คาดบานเป็นชุดสุดท้ายของปีนี้ (2568) และน่าจะทยอยร่วงโรยตั้งแต่ราววันที่ 18 มี.ค.68 เป็นต้นไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชวนเที่ยวชมความสวยงามของ “ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์” ที่กำลังออกดอกบานสวยงามชมพูสะพรั่งอีกครั้ง ถือเป็นการบานในรอบที่ 3 ของปี และคาดว่าน่าจะบานเป็นชุดสุดท้ายของปีนี้ (2568) โดยช่วงเวลาที่ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานเต็มที่ในรอบที่ 3 อยู่ในช่วงวันที่ 16-18 มีนาคม 2568 หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ทยอยร่วงโรยไปดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)สำหรับจุดที่ดอกชมพูพันธ์ทิพย์ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน บานรอบที่ 3 เยอะเป็นพิเศษ คือบริเวณ ถนนหน้าโรงเรียนสาธิต ม.เกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาถ่ายรูปดอกชมพูพันธ์ทิพย์คือ ช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.30-ถึงไม่เกิน 10.30 น. และช่วงเย็น เวลาประมาณ 16.30-ไม่เกิน18.30 น. ซึ่งจะได้ภาพที่มีแสงสวย และไม่ร้อนจนเกินไปนอกจากนี้ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ยังขอความกรุณานักท่องเที่ยวที่จะไปชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานรอบที่ 3 ของปี ให้จอดรถในที่ที่กำหนดไว้ให้, ไม่โน้มดึงหักกิ่งเพราะกิ่งเปราะบางและหักง่าย และทิ้งขยะในจุดที่กำหนดไว้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)“ชมพูพันธุ์ทิพย์” เป็นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีชมพูอ่อน ชมพูสด และขาว มีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา ตาเบบูยาในเมืองไทยชมพูพันธุ์ทิพย์จะออกดอกในช่วงกลางเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยใช้ระยะเวลาบานประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่ดอกจะร่วงโรยไป ความงดงามของพรรณไม้ชนิดนี้อยู่ตรงที่เมื่อผลัดใบทั้งหมด จะเหลือแต่กิ่งก้าน ให้ดอกสีชมพูได้ชูช่อเป็นจำนวนมากอยู่บริเวณปลายกิ่งดูอ่อนหวานงดงามยิ่งนักดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นแหล่งชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานแหล่งใหญ่ ซึ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือ ตาเบบูยานี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ปลูกขึ้นมากว่า 30 ปี และมีจำนวนมากกว่า 200 ต้น โดยปลูกอยู่ทั้งสองข้างทางเป็นฝั่งแนวยาว บริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์(ถนนหลังมอ) เมื่อถึงเวลาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคมของทุกปี ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์จะผลัดใบและออกดอกสีชมพูเป็นทางยาวดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)และนอกจากที่ริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ แล้ว บริเวณถนนหน้าโรงเรียนสาธิต ม.เกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) บริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ซึ่งก็มีความงดงามไม่แพ้กัน ผู้ที่สัญจรไปมาและนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาถ่ายรูปได้ กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของนครปฐมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000025533
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
08/05/2025
มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18; กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี เพิ่มขึ้นร้อยละ 12; ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10; ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9; เงินปันผลประจำปีต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10; โครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฮ่องกง, 14 มีนาคม 2568 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: ผลประกอบการของธุรกิจใหม่ • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ • ทุกภาคส่วนธุรกิจ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 8,606 ล้านเหรียญสหรัฐ • กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 1.9 จุด เป็นร้อยละ 54.5 มูลค่าพื้นฐานของกิจการ • ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 71.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ต่อหุ้น • กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 10,025 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ต่อหุ้น • อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย อยู่ที่ร้อยละ 14.9 โดยเพิ่มขึ้น 200 จุด จากร้อยละ 12.9 ในปี 2566รายงานทางการเงิน (IFRS) • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,605 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อหุ้น • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569 • อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ร้อยละ 14.8 เพิ่มขึ้นมา 130 จุด จากร้อยละ 13.5 ในปี 2566เงินกองทุนส่วนเกิน • มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,327 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้น • เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG)(3) อยู่ที่ 4,020 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่ • อัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้น(4) อยู่ที่ร้อยละ 236 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน • เงินปันผลประจำปีเเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น • โครงการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ(5) เป็นไปตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา • ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 ผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า: “เอไอเอมีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมมากในปี 2567 จากผลกำไรของธุรกิจใหม่ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และเงินกองทุนส่วนเกิน เรายังคงมุ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจากการดำเนินงานและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเราได้คืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เป็นมูลค่ากว่า 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทุกภาคส่วนธุรกิจมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของธุรกิจของเรา ธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรต่อเนื่องส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัยต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หลังจากการจ่ายคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน“ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ คณะกรรมการได้แนะนำให้เพิ่มเงินปันผลประจำปีร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดเงินปันผลรวมต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในปี 2567 นอกจากนี้ ตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา คณะกรรมการได้ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงินจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายปันผลร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิประจำปี (Net FSG) และเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามการตรวจสอบสถานะเงินทุนของกลุ่มบริษัทเป็นประจำ เมื่อรวมกันแล้ว การจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนรวม(6) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 สำหรับผู้ถือหุ้น“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ดีและแตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในตลาดที่มีความน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายอันแน่วแน่ของเรา ผมมั่นใจว่าโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอยังคงยอดเยี่ยม เราจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเราได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเรา”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
08/05/2025
ทำความรู้จักกับ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ ศิลปินเชื้อสายเดนมาร์ก-อาร์เมเนียน ผ่านการผจญภัยบนเส้นทางสายศิลปะ 40 ปี ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสีสันของกรุงเทพฯ เมืองที่เธอพำนักอยู่นานกว่า 37 ปี ในหนังสือ Elizabeth Romhild's Odysseyเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ แปซิฟิค ซิตี้คลับ สำหรับหนังสือรวบรวมผลงานตลอดระยะเวลา 40 ปี ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ของ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ (Elizabeth Romhild) ศิลปินเชื้อสายเดนมาร์ก-อาร์เมเนียนที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอลิซาเบธ รอมฮิลด์ กับผลงานจิตรกรรม Untold Stories และประติมากรรม Freedomก่อนงานเลี้ยงค็อกเทลในช่วงค่ำ ซึ่งจะมีการจัดประมูลผลงานจิตรกรรม Untold Stories และประติมากรรม Freedom เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนให้แก่ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม (QSCBC) เรามีโอกาสได้สนทนากับคุณอลิซาเบธพอสังเขปคุณอลิซาเบธเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเองว่าเธอเกิดที่เดนมาร์ก แต่ชีวิตศิลปินนั้นเริ่มต้นที่อินโดนีเซียในขณะที่มีอายุ 26 ปี ( พ.ศ.2528) ความสนใจในการวาดรูปสีน้ำสะท้อนบ้านเรือนของชุมชนแออัดที่ดึงดูดเธอด้วยสีของสนิมและไม้ในเฉดต่าง ๆ ทำให้เธอได้รับการเรียกขานว่าเป็น Slum Painterภาพเขียนสีน้ำชิ้นแรกในชีวิตที่ขายได้ ขณะจัดแสดงในแกลลอรีที่อินโดนีเซีย (ภาพจากหนังสือ Elizabeth Romhild's Odyssey)วาดสีน้ำอยู่ได้ราว 3 ปี คุณอลิซาเบธมีอันต้องย้ายตามคุณปีเตอร์สามีผู้ทำงานให้กับบริษัท อีสต์ เอเชียติก มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2531 และพำนักอยู่จนถึงปัจจุบัน“กรุงเทพฯเป็นมากกว่าบ้าน และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะ ลูกของฉันเกิดที่นี่ และการค้นพบสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฉันก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน”ผู้คนและวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยสีสันของกรุงเทพฯ ทำให้คุณอลิซาเบธเปลี่ยนเทคนิคจากสีน้ำมาเป็นสีน้ำมันที่สามารถสะท้อนความสดใสของเมืองได้อย่างตรงใจ ประกอบกับความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกซึ้งหลังจากการได้เป็น “แม่” เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการค้นหาตัวตนบนเส้นทางศิลปะกรุงเทพฯจากผลส้มในชามแก้วสีน้ำเงินที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสไตล์ของตนเอง“วันหนึ่งไปโรงแรมโอเรียนเต็ลไปเห็นผลส้มวางอยู่ในชามแก้วสีน้ำเงิน ไม่น่าเชื่อว่ารูปทรงกลมธรรมดากับสีน้ำเงินจะจุดประกายสร้างสรรค์ทำให้เราได้ค้นพบสไตล์การทำงานที่เป็นของตัวเองได้ในที่สุด”ผลส้มทรงกลม นำไปสู่รูปทรงที่สื่อความหมายถึงความเป็นผู้หญิง และความรักอันเป็นนิรันดร์ ในขณะที่สีน้ำเงินของชามแก้วบรรจุผลส้มได้เข้ามาอยู่ในจานสี กลายเป็นสีที่ขาดไม่ได้บนผืนผ้าใบในงานศิลปะของเธอFEAST ผลงานที่นำรูปทรงของหน้ากากและเครื่องดนตรีเข้ามาในการสื่อสารอารมณ์หลังจากชัดเจนในสไตล์แล้ว คุณอลิซาเบธเริ่มนำเอารูปทรงของเปียโนเข้ามาสร้างความเคลื่อนไหวด้วยเส้นและสีที่มีความพลิ้วไหวราวกับบทเพลง ร่วมด้วยหน้ากากเพิ่มความหลากหลายของสีสันและความเป็นปริศนาที่ชวนให้รู้สึกถึงความน่าค้นหาจากผลงานจิตรกรรมสู่งานออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องถ้วยชามกระเบื้อง รูปทรงเปียโนในภาพเขียนพัฒนาสู่งานเครื่องประดับนอกจากงานจิตรกรรมสีน้ำมันแล้ว อลิซาเบธยังได้สร้างสรรค์งานประติมากรรม และงานออกแบบควบคู่กันไปด้วย เช่น งานออกแบบเครื่องประดับ จานกระเบื้อง ถ้วยกาแฟ กระเบื้องโมเซกประดับผนัง ล่าสุดร่วมมือกับ Skiniplay นำเสนองานศิลปะฝาครอบลำโพง Helix บนลำโพง Bang & Olufsen อีกด้วยงานออกแบบศิลปะให้กับลำโพง Bang & Olufsen40 ปีบนถนนสายศิลปะที่เรียนรู้ศิลปะด้วยตนเอง กว่าจะมาถึงวันที่ผลงานได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมในทวีปยุโรป อเมริกา และ เอเชีย คุณอลิซาเบธ กล่าวว่า“ฝึกฝน ฝึกฝน อย่ายอมแพ้ แม้ว่าจะเหงาบ้างในบางตอน แต่เชื่อเถอะเมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง เราจะพบประตูบานใหม่ที่เปิดอยู่เสมอสุดท้ายนี้ฉันหวังว่าหนังสือของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจ สร้างความท้าทาย สร้างความประทับใจในหัวใจของผู้อ่านทุกท่าน เช่นเดียวกับที่การสร้างสรรค์มันได้ประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจของฉัน”ขอบคุณศิลปินที่ทำให้บ่ายวันธรรมดาของฉันกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำหนังสือ Elizabeth Romhild's Odyssey มีจำหน่ายที่ร้านเอเชียบุ๊คส์และร้านคิโนะคุนิยะติดตามชมผลงานของ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ ได้ทาง • https://elizabethromhild.com/ • เฟซบุ๊ก Elizabeth Romhildแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1169922
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
08/05/2025
ชมความงามเป็นเอกลักษณ์ของหอคอยสูง ขดเป็นเกลียวดังก้นหอยโดดเด่น บริเวณมัสยิดอาบู ดูลาฟ ย่านชานเมืองโบราณคดีซามาร์รา (Samarra) ในจังหวัดซาลาห์แอดดินของอิรักเมืองโบราณคดีซามาร์รา ตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือราว 130 กิโลเมตร ประกอบด้วยซากเมืองอิสลามที่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอับบาสิดในศตวรรษที่ 9เมืองโบราณแห่งซามาร์รา(Samarra Archaeological City) มีอายุระหว่างปี ค.ศ. 836-892 เป็นหลักฐานอันโดดเด่นของอาณาจักรอิสลามที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ครอบคลุมพื้นที่ยาวจากตูนิเซียไปจนถึงเอเชียกลาง นับเป็นเมืองหลวงอิสลามแห่งเดียวที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรม และศิลปะดั้งเดิม เช่น โมเสกและงานแกะสลักไว้ได้ภาพ: สำนักข่าวซินหัวซามาร์รา นับเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากถูกทิ้งร้างตั้งแต่เริ่มแรก จึงหลีกเลี่ยงการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นภาพ: สำนักข่าวซินหัวเมืองโบราณแห่งนี้ยังคงรักษามัสยิดที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่ง (อัลมาลวียาและอาบูดูลาฟ) และหออะซานที่แปลกตาที่สุดไว้ นั่นคือ หอคอยสูง 52 เมตร ขดเป็นเกลียวดังก้นหอย รวมถึงพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม (พระราชวังคาลิฟาล คัสร์ อัล-คาลิฟา อัล-จาฟารี อัล-มาชูก และอื่นๆ)หอคอยได้รับความเสียหายในปี ค.ศ. 2005 เมื่อยอดหอคอยถูกทำลายจากการระเบิด จากกลุ่มกบฏในอิรัก หลังจากนั้นรัฐบาลอิรักจึงมีโครงการฟื้นฟู และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายขององค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2007ภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000023282
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
14/05/2024
29/04/2024
30/04/2024
29/04/2024
30/04/2024