Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
31/10/2024
ฮ่องกง, 31 ตุลาคม 2567 - กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทซึ่งมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่สาม สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: • มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็นมูลค่า 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการเติบโตของทุกภาคส่วนธุรกิจ • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐ • ได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตงนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอได้แสดงถึงผลงานที่แข็งแกร่งอีกครั้ง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็น 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโตจากทุกภาคส่วนธุรกิจในไตรมาสที่สามของปี 2567 เราประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติสำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่ในสามไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายทางธุรกิจของเราการมุ่งเน้นในการดำเนินกลยุทธ์ของเราอย่างต่อเนื่องได้ช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของเอไอเอ หนุนให้เกิดการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร อีกทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจใหม่ ๆ นั้นได้สร้างกำไรและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และสร้างกระแสเงินสด ซึ่งทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมั่นใจของเราในการที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินในจีนแผ่นดินใหญ่ เรากำลังก้าวหน้าอย่างมากในการขยายธุรกิจและเติบโตในพื้นที่ใหม่ ๆ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตงเอไอเอดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลกสำหรับประกันชีวิตและสุขภาพ ผมยังคงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ของเราอย่างต่อเนื่องนั้น จะสร้างมูลค่าที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราทุกท่านต่อไป”สรุปผลการดำเนินงานของไตรมาสที่สามเอไอเอ มีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เป็นจำนวน 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สามของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเติบโตใน 15 ตลาด จาก 18 ตลาดที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่ พรีเมียร์ เอเจนซี่ สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถึงร้อยละ 15 โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมและผลผลิตของตัวแทนที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับการรับสมัครตัวแทนใหม่ยังคงแข็งแกร่งโดยเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก อีกทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานให้กับกลุ่มบริษัทยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2566 มูลค่าธุรกิจใหม่ที่มาจากพันธมิตร เติบโตถึงร้อยละ 16 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่ยอดเยี่ยมจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ เอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จแม้ว่าเราจะนำผลิตภัณฑ์บางอย่างออกก่อนกำหนดก่อนการปรับราคาทั่วทั้งอุตสาหกรรมในระหว่างไตรมาสและการเปรียบเทียบที่แข็งแกร่งมากในไตรมาสที่สามของปี 2566 ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้า เรายังคงเติบโตด้วยพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่มีความเป็นมืออาชีพและแตกต่าง ตลอดจนแรงหนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม สัดส่วนของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานมีมากขึ้น และผลผลิตที่ได้จากตัวแทนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตถึงร้อยละ 10 เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างความก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่องด้วยการขยายตัวทางภูมิศาสตร์ การส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยม สอดคล้องกับที่เรามุ่งพัฒนาคุณภาพของการเปิดรับตัวแทนใหม่และจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราเพิ่งได้รับอนุมัติเพื่อเตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตงเพื่อความชัดเจน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่บนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยไม่มีการคำนวณการเปรียบเทียบในปี 2566 ใหม่ และใช้สมมติฐานทางเศรษฐกิจในปี 2567 เกณฑ์ "like-for-like" หรือเปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะเพิ่มอัตราการเติบโตที่รายงานไว้สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน อย่างมีนัยสำคัญเอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงขึ้นร้อยละ 24 ซึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ความสำเร็จนี้มาจากช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา แม้ว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ผ่านที่ปรึกษาทางการเงินอิสระรายย่อย (IFA) และช่องทางนายหน้าลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ของเรามีการเติบโตที่ดีเยี่ยม การสรรหาตัวแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรของเราจากลูกค้าทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในไตรมาสที่สาม ช่องทางตัวแทนของเราสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้สูงที่สุดจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากที่ได้กลับช่องทางตัวแทนของเราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รายไตรมาสสูงสุดจากลูกค้า MCV นับตั้งแต่กลับมาเดินทางได้ตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566เอไอเอ ประเทศไทย รายงานการเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2567 โดยเรายังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดและยังรักษาสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมได้เป็นอย่างดีแม้ว่าความต้องการในตลาดจะชะลอตัวจากการปรับราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ สำหรับประเทศสิงคโปร์ ผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ระยะยาวแบบยูนิต ลิงค์ โดย AIA Regional Funds Platform ซึ่งให้การเข้าถึงผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกแต่เพียงผู้เดียว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักของมูลค่าธุรกิจใหม่ ด้านเอไอเอ มาเลเซีย ที่ให้ความสำคัญกับทั้งความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ช่วยให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเป็นเลขสองหลัก ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยรวมแล้วธุรกิจในอาเซียนของเรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ร้อยละ 8สำหรับในกลุ่มตลาดอื่น ๆ สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเพิ่มขึ้นใน 9 ตลาดจาก 11 ตลาดของเรา โดยเราได้เห็นการเติบโตอย่างดีจากธุรกิจในอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน (จีน) และธุรกิจในเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบเป็นรายปีจากฐานที่ต่ำ Tata AIA Life ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย กลับมาเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่ตามที่ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ และยังคงรักษาอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในด้านความคุ้มครองสำหรับรายย่อย คิดตามยอดจำนวนเงินเอาประกันภัยโดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) สำหรับกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 14 เป็น 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามของปี 2567 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 0.8 จุดเมื่อเทียบเป็นรายปี และยังคงแข็งแกร่งที่ร้อยละ 52.2 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เป็น 10,301 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามรายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่และใช้แนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบอันดับความน่าเชื่อถือโดยเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นถือครองนั้นยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับความน่าเชื่อถือ"ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน มีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 1,700 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 43 ล้านเหรียญสหรัฐณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 หุ้นกู้ประมาณ 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.04 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดของเรา ถูกปรับระดับลงให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสที่สามของปี 2567 ภาพรวมภูมิภาคเอเชียมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการออมส่วนบุคคลที่สูงขึ้น ประชากรมีอายุมากขึ้นแต่มีอัตราการเข้าถึงประกันภัยต่ำ รวมถึงสวัสดิการการคุ้มครองที่จำกัดในภูมิภาค ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอันมากมายของเราทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการนี้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาคในระยะใกล้ก็ตาม เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เอไอเอสามารถคว้าโอกาสระยะยาวมหาศาลในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการสร้างเงินกองทุนส่วนเกิน และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่มากขึ้นความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
29/10/2024
บทความโดย "ธีรพัฒน์ มีอำพล" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย“บัตรเครดิต” ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากจะใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการได้แทนเงินสดแล้ว ยังให้สิทธิประโยชน์และเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้จ่ายให้กับผู้ถือบัตร หรือบัตรบางใบยังมอบสิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ เช่น บริการเลขาส่วนตัว บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่จอดรถ การใช้บริการรถรับส่งสนามบิน สิทธิในการเข้าใช้ห้องพักรับรองที่สนามบิน ความคุ้มครองด้านการเดินทางเมื่อไปต่างประเทศ เป็นต้นด้วยเหตุนี้ก่อนทำบัตรเครดิตควรให้ความสำคัญกับการเลือก “บัตรเครดิต” เพราะหากรู้จักใช้และเข้าใจบัตร จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตรงจุด ช่วยให้การหยิบใช้บัตรเครดิตในแต่ละครั้งมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น1. บัตรเครดิตกลุ่มได้เครดิตเงินคืนบัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) จะให้เงินคืนกับผู้ถือบัตรทุกครั้งเมื่อมีการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ตรงกับเงื่อนไขของบัตรเครดิต โดยจะคืนเงินเข้ามาในบัญชีเครดิต ซึ่งจำนวนเงินคืนก็จะแตกต่างไปตามเงื่อนไขของบัตรแต่ละใบ จะมีทั้งแบบที่ได้เครดิตเงินคืนทุกยอดการใช้จ่าย หรือได้เครดิตเงินคืน เมื่อรูดใช้จ่ายในหมวดค่าใช้จ่ายที่กำหนด ทำให้สามารถประหยัดเงินได้บางส่วนจากการใช้จ่ายตามปกติบัตรเครดิตเงินคืนแต่ละใบจะมีร้านค้าที่เข้าร่วมรายการแตกต่างกันไป เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายในหมวดรายการนั้น ๆ เป็นประจำ เช่น รับเงินคืน 5% เมื่อซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต รับเงินคืน 3% เมื่อใช้จ่ายที่สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น บัตรเครดิตเงินคืนถือเป็นบัตรเครดิตที่ไม่ซับซ้อน และเข้าใจได้ง่ายที่สุด เพราะใช้จ่ายแล้วได้เงินคืนทันทีซึ่งผู้ที่สนใจบัตรเครดิตในกลุ่มนี้ แนะนำให้ลองสังเกตว่ามีการใช้จ่ายในกลุ่มไหนมากเป็นพิเศษ แล้วเลือกบัตรเครดิตที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด เพราะแต่ละบัตรเครดิตแต่ละใบ มีเปอร์เซ็นต์เงินคืนในแต่ละหมวดไม่เท่ากัน การเลือกบัตรที่ตรงกับไลฟ์สไตล์จะทำให้ได้เครดิตเงินคืนที่คุ้มค่าที่สุด2. บัตรเครดิตกลุ่มสะสมคะแนนบัตรเครดิตสะสมคะแนน (Rewards Credit Card) เป็นบัตรที่เน้นการสะสมคะแนนจากยอดการใช้จ่าย แล้วจึงนำคะแนนที่ได้ไปแลกเป็นของรางวัลพิเศษ ส่วนลดของสินค้าและบริการต่าง ๆ หรือจะแลกเป็นเครดิตเงินคืนก็ได้เช่นกัน ซึ่งเงื่อนไขในการสะสมคะแนนขึ้นอยู่กับบัตรเครดิตใบนั้น ๆ บางบัตรอยู่ที่ 25 บาท ต่อ 1 คะแนน หรือบางบัตรอาจจะ 20 บาท ต่อ 1 คะแนน การคิดคำนวณความคุ้มค่า หรือผลตอบแทน หากได้รับ 1 คะแนน จากการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท และนำคะแนนไปแลกเป็นส่วนลด โดยปกติอัตราการแลกคะแนนโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาท หรือหากคิดเป็นจำนวนเงิน คือ 100 บาท ต่อทุกการใช้จ่าย 25,000 บาท ดังนั้นจะคิดเป็นผลตอบแทน 0.4%หากคิดเป็นผลตอบแทนออกมาแล้วจะเห็นว่าไม่คุ้มค่าเท่ากับบัตรเครดิตประเภทเงินคืน แต่บัตรกลุ่มนี้มักมีจุดเด่นเพิ่มเติม เช่น หากเราใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในบางรายการตามเงื่อนไขที่บัตรกำหนด จะทำให้เราได้รับคะแนนพิเศษ 2-5 เท่า ก็จะทำให้ได้คะแนนสะสมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้น หากใช้จ่ายในรายการที่กำหนดและเลือกใช้บัตรที่ได้รับคะแนนสะสมพิเศษเพิ่มเติม 4 เท่า จะทำให้ได้รับคะแนนสะสมจำนวนมาก จากนั้นนำคะแนนสะสมมาแลกในช่วงที่มีโปรโมชั่นร่วมกับทางร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้า เช่น การใช้คะแนนเท่ายอดซื้อ แลกรับส่วนลด 15% จะทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 0.4% เป็น 2.4% ซึ่งให้ผลตอบแทนที่มากกว่าบัตรเครดิตประเภทเงินคืนบัตรเครดิตในกลุ่มนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรือทานข้าวในร้านอาหาร ซึ่งมักจะมีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารอยู่บ่อย ๆ สามารถนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นส่วนลด โดยในบางครั้งมีโปรโมชั่นให้ส่วนลดถึง 15-20% เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ ซึ่งจะทำให้มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น3. บัตรเครดิตกลุ่มสะสมไมล์บัตรในกลุ่มนี้จะเป็นบัตรที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น เป็นบัตรเครดิตที่เน้นสะสมคะแนนจากการใช้จ่าย และเมื่อมีคะแนนมากพอ จะทำการโอนคะแนนจากบัตรเครดิตไปแลกเป็นไมล์สายการบิน จากนั้นจึงนำไมล์สายการบินไปแลกตั๋วเครื่องบิน การใช้งานบัตรเครดิตกลุ่มสะสมไมล์จึงมีความซับซ้อนกว่าปกติ เพราะต้องเข้าใจวิธีการใช้ไมล์แลกตั๋วเครื่องบิน ของแต่ละสายการบิน และเส้นทางการบินที่คุ้มค่าในการแลกไมล์การเลือกบัตรเครดิตในกลุ่มนี้ ต้องเลือกบัตรที่คุ้มค่า พิจารณาจากความยากง่ายในการได้ไมล์สะสม ต้องใช้จ่ายผ่านบัตรกี่บาทถึงจะได้รับ 1 ไมล์สะสม เช่น ใบแรก 15 บาท/คะแนน 1.2 คะแนน/ไมล์สะสม หรือเท่ากับ 18 บาท/ไมล์สะสม ใบที่สอง 25 บาท/คะแนน 2 คะแนน/ไมล์สะสม หรือเท่ากับ 50 บาท/ไมล์สะสม ดังนั้นควรเลือกใช้ใบแรก เพราะมีอัตราการแลกไมล์ที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตในกลุ่มสะสมไมล์แต่ละบัตรจะมีสายการบินพันธมิตรแตกต่างกัน บางบัตรอาจจะมีตัวเลือกในการโอนคะแนนไปได้หลากหลายสายการบิน ซึ่งแต่ละสายการบินก็มีเส้นทางการบิน อัตราการแลกไมล์ในแต่ละเส้นทาง ค่าธรรมเนียมในการแลกตั๋วเครื่องบินที่แตกต่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาประกอบบัตรเครดิตแบบสะสมไมล์ เหมาะกับผู้ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว ชอบเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อย ๆ ความคุ้มค่าในการแลกไมล์ คือ การแลกตั๋วเครื่องบินในชั้น Business Class หรือ First Class ซึ่งปกติมีราคาแพง ทำให้คิดผลตอบแทนออกมาแล้วคุ้มค่ามากที่สุด เพราะการแลกตั๋วเครื่องบินชั้น Business Class ไป-กลับ 1 ที่นั่ง ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-โตเกียว จะต้องมียอดใช้จ่ายประมาณ 1,250,000 บาท ดังนั้นหากเรามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่มาก กว่าจะได้คะแนนพอที่จะแลกไมล์ครบในเส้นทางที่ต้องการอาจจะใช้เวลานานหลายปี ซึ่งบัตรเครดิตแบบเงินคืน หรือแบบสะสมคะแนนอาจจะเหมาะสมมากกว่าตัวอย่าง การใช้บัตรเครดิตสะสมไมล์ตั๋วเครื่องบินไปกลับ Business Class สายการบิน EVA Air เส้นทาง กรุงเทพฯ-โตเกียว ใช้ไมล์จำนวน 50,000 ไมล์ หากคิดตามมูลค่า 55,000 บาท และหักค่าธรรมเนียมในการแลกตั๋วเครื่องบินประมาณ 7,000 บาท ดังนั้น 50,000 ไมล์ จะมีมูลค่าเทียบเท่า 48,000 บาทหากใช้บัตรใบที่มีอัตรา 12.5 บาท/คะแนน 2 คะแนน/ไมล์สะสม หรือเท่ากับ 25 บาท/ไมล์สะสม ดังนั้น 50,000 ไมล์ เท่ากับต้องใช้จ่าย 1,250,000 บาท เพื่อแลกตั๋วเครื่องบินที่มีมูลค่า 48,000 บาท เท่ากับผลตอบแทนที่ 3.84% ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนของบัตรเครดิตแบบเงินคืนหรือแบบสะสมคะแนนเมื่อเลือกแล้วว่าบัตรเครดิตกลุ่มไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย ก็จะได้เลือกบัตรเครดิตมาใช้ได้อย่างเหมาะสมอย่าลืมเช็กค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตมักมีการคิดค่าธรรมเนียม 2 ประเภท คือ ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งค่าธรรมเนียมก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของบัตรและผู้ออกบัตร หากไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมก็ให้เลือกเปิดบัตรเครดิตประเภทที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า บัตรเครดิตบางใบสามารถขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีเมื่อผู้ถือบัตรมีการใช้จ่ายครบตามเงื่อนไขที่กำหนด ลองเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมรายปีที่ต้องเสียกับสิทธิประโยชน์ของบัตรที่ได้รับว่าอยู่ในอัตราที่รับได้ คุ้มกว่าค่าธรรมเนียมที่เสียไปหรือไม่โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมมักจะสูงกว่าค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตทั่วไป แต่อาจจะคุ้มค่าหากเราได้ใช้สิทธิประโยชน์นั้น ๆ เช่น บริการรถรับส่งสนามบิน สิทธิในการเข้าใช้ห้องพักรับรองที่สนามบิน เป็นต้นดูข้อจำกัดการใช้บัตรบัตรเครดิตของบางธนาคารจะมีข้อยกเว้น ไม่ได้รับคะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน เมื่อใช้จ่ายในประเทศที่กำหนด โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงข้อยกเว้นของแต่ละบัตรเครดิตในบางหมวดสินค้าจะไม่ได้รับคะแนนสะสมเช่น ค่าประกัน ค่าสาธารณูปโภค หน่วยงานราชการ เป็นต้น นอกจากนี้บัตรเครดิตบางใบ ยังมีข้อจำกัดการให้คะแนนสูงสุด จำกัดยอดเงินคืนในแต่ละหมวดการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ไปอย่างน่าเสียดายโดยสรุปแล้ว แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ดังนั้น ไม่มีบัตรเครดิตใบไหนดีที่สุด เลือกให้เหมาะกับตัวเอง ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ทุกด้านของเราให้มากที่สุด การเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ จะทำให้เราได้รับสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตที่ตรงจุด และคุ้มค่าสำหรับทุกการใช้จ่ายการมีบัตรเครดิตหลายใบ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากมีวินัยทางการเงิน หลังจากใช้บัตรเครดิตแล้ว ควรชำระให้ตรงเวลาและเต็มจำนวน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดอกเบี้ย เพราะหากชำระเพียงบางส่วนหรือชำระไม่ตรงตามกำหนดเวลา นอกจากจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงแล้ว ผู้ออกบัตรจะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่รูดใช้จ่าย หากใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวังและขาดการวางแผนการจัดการที่ดี อาจจะทำให้ยอดหนี้ถูกสะสมเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ และมีปัญหาทางการเงินตามมาในอนาคตแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1668674
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
29/10/2024
ธุรกิจประกันเร่งแก้เกมเคลมสุขภาพพุ่ง “ไทยรี” ชี้เงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงกระทบการรับประกันสุขภาพ ระบุวิธีแก้ต้องขึ้นเบี้ย-กำหนดค่าห้องให้ต่ำลง-เพิ่มเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันร่วมจ่าย-ให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรก ฟาก “วิริยะฯ” ยอมรับขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพไปแล้วกว่า 10% ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 67 จ่อออกโปรดักต์ใหม่ให้ผู้เอาประกัน “ร่วมจ่าย” ต้นปีหน้านายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือไทยรี ในฐานะเลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การรับประกันสุขภาพ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยเวลานี้โอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์สาเหตุหลักคือค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล (Medical Inflation) ที่ปรับสูงขึ้นทุกปี และขณะเดียวกันจากความถี่ของการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพักรักษาตัวนอนโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน (IPD) ที่สูงขึ้นมากโดยเห็นสถิติการรักษาอาการป่วยด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ซึ่งไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ประกอบด้วย โรคเวียนศีรษะ, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคท้องเสีย, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และโรคอื่น ๆ ที่บริษัทประกันประกาศกำหนด มาเบิกเคลม IPD ใช้ประโยชน์มากขึ้น และได้ค่าชดเชยรายวัน จนทำให้อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ทุกบริษัทเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนถึงผลประกอบการที่ออกมาไม่ค่อยดี จึงอาจกระทบต่อการรับประกันสุขภาพในอนาคตได้“ผลกระทบเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น สมมุติเคยเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่ง เฉลี่ยต้องจ่าย 1,000 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นเป็น 1,100 บาท ส่วนกรณีเข้าไปรักษาตัวด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป จริง ๆ ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอก (OPD) ต่อครั้งจะอยู่ที่ 1,100 บาท แต่พอแพทย์วินิจฉัยให้นอนพักรักษาตัว ทำให้ค่าใช้จ่ายปรับขึ้นเป็น 20,000 บาท”นายโอฬารกล่าวว่า การจัดการปัญหาในการรับประกันสุขภาพ ฝั่งผู้รับประกันภัยคงไม่สามารถไปควบคุมสั่งการให้โรงพยาบาลลดค่ายาค่าหมอได้ แต่ใช้เครื่องมือขึ้นเบี้ยให้มีความเหมาะสมได้ หรือกำหนดค่าห้องให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้เอาประกันรับผิดชอบเองไปบางส่วนได้ หรือเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) หรือให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) เข้ามาช่วยก็ได้นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอมรับว่าปีนี้บริษัทได้ปรับขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพไปแล้วกว่า 10% ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2567 เพื่อให้มีความเหมาะสม เนื่องจาก Loss Ratio จากเคลมประกันสุขภาพค่อนข้างอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะประกันสุขภาพเด็ก หลัก ๆ เคลมก็มาจากโรค Simple Diseases ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ประกันรับสุทธิ (Combined Ratio) ของประกันสุขภาพอยู่ที่เกือบ 100%“ปีนี้ Medical Inflation ของวิริยะฯ ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 20% โรงพยาบาลเอกชน 5 ดาว เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากค่าเฉลี่ยโรงพยาบาลในประเทศอยู่ที่กว่า 10% โดยการเข้ารักษาตัวผู้ป่วยใน (IPD) แค่มีไข้สูง ๆ ตอนนี้โรงพยาบาลจะให้ตรวจเป็นแพ็กเกจหมด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจไวรัส RSV, โควิด, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และยิ่งสำหรับเด็กจะตรวจ ‘ไวรัสอะดีโน’ เพิ่มด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้เพิ่มขึ้นมา 3,000-4,000 บาท สำหรับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จึงเป็นผลกระทบที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น กระทบเคลมประกัน”นางฐวิกาญจน์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ทำเคลมประกันเอง แต่ใช้บริการ Third Party Administration แต่บริษัทจะเป็น Post Audit เมื่อไรเจอค่ารักษาพยาบาลสูง ๆ จะเข้าไปตรวจสอบโรงพยาบาลเหล่านั้น โดยวิธีการจะปรับเบี้ย หรือต่อรองราคาแพ็กเกจเกี่ยวกับการผ่าตัด-ส่องกล้อง รวมไปถึงมอนิเตอร์ใกล้ชิดโรค Simple Diseases เรื่องความจำเป็นทางการแพทย์ เวลาจ่ายยา-ตรวจแล็บ มีความเหมาะสมหรือไม่ทั้งนี้ บริษัทก็ได้เริ่มวางขายสินค้าประกันสุขภาพให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรกไปแล้ว โดยมีให้เลือก 2 แผน ความคุ้มครองวงเงิน 330,000 บาท เลือกจ่ายส่วนแรก 20,000 บาท ลูกค้าจะได้ค่าเบี้ยถูกกว่าแบบไม่มี Deductible ประมาณ 30% และเลือกจ่ายส่วนแรก 50,000 บาท ลูกค้าจะได้ค่าเบี้ยถูกกว่าแบบไม่มี Deductible ประมาณ 50%นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทมีแพลนจะขายกรมธรรม์ประกันสุขภาพออกมาเป็นซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ประกันสุขภาพเด็กเฉพาะโรค และประกันสุขภาพให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) โดยยื่นขอสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรียบร้อยแล้วแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1681135
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/10/2024
“โซฟิเทล” (Sofitel) แบรนด์โรงแรมระดับ 5 ดาวในเครือแอคคอร์ (Accor) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จัดนิทรรศการศิลปะและกวี “ประกายเพชร สะท้อนใจ” (Diamond Glow & Heart’s Echoes) พร้อมกิจกรรมและประสบการณ์สุดพิเศษกว่า 120 รายการ ณ โรงแรมและรีสอร์ททั่วโลก ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2567 นี้ ชูเอกลักษณ์ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส หรือ “art de vivre” ในทุกมุมโลก โดยมี “โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท” (Sofitel Bangkok Sukhumvit) เข้าร่วมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินจิตรไทยมากมายให้ผู้เข้าพักและคนไทยได้ชื่นชมความงดงาม ตั้งแต่วันนี้ – 6 พฤศจิกายน 2567ผลงานของศิลปิน สนั่น รัตนะDiamond Glow, Heart’s Echoes ประกายเพชร สะท้อนใจนิทรรศการนี้เป็นการแสดงถึงสัญลักษณ์ของ “โซฟิเทล” ที่เรียกว่า Cultural Link ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉลิมฉลองให้กับวัฒนธรรมไทยและฝรั่งเศสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นการเชื้อเชิญแขกทุกท่าน ทั้งชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้มาสัมผัสกับความงดงามของภาพวาดร่วมสมัยของไทย และบทกวีโดยศิลปินชาวไทยและฝรั่งเศส โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ครอบคลุมพื้นที่เชื่อมต่อกันสามส่วนของโรงแรม โอบล้อมผู้เข้าชมด้วยโลกแห่งศิลปะอันหรูหรา ท่ามกลางฉากหลังของการตกแต่งโฉมใหม่ของโรงแรมซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้วโชคชัย บัณฑิต นักประพันธ์ชาวไทย และศิลปินชื่อดัง สมภพ บุตรตาราด (พร้อมด้วยผลงาน City of Angels) ไดแอน-ลอเร่ ดูดูเอ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชีย โรงแรมโซฟิเทล ประคำกรอง วชิรวรภักดิ์ แห่ง Art Connection และ Oliver Schnatz ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพการเดินทางทางวัฒนธรรมผ่านภาพวาดและบทกวีก้าวเข้าสู่ประตูทางเข้าอันโอ่อ่าของ โซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ที่ได้รับการออกแบบใหม่ แขกผู้เข้าพักจะรู้สึกราวกับหลุดออกจากความวุ่นวายของเมืองเข้าสู่โลกแห่งการผสมผสานทางวัฒนธรรม มีภาพวาดต้นฉบับจำนวน 12 ภาพ จากศิลปินไทยที่ได้รับการยกย่อง จัดแสดงในโถง Foyer, Atelier และ Celestial paths ของโรงแรม รวมถึงผลงานลับอีกหนึ่งชิ้น!จุดเด่นคือโคมไฟระย้าอันงดงามที่สะท้อนถึงการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนของวัฒนธรรม โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก "การไหว้และน้ำ" อันเป็นวัฒนธรรมไทย และเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย แผงกระจกศิลปะของล็อบบี้ผสมผสานความหรูหราแบบตะวันตกเข้ากับความอบอุ่นแบบไทยได้อย่างลงตัวเมื่อก้าวเข้าไปในนิทรรศการภายใต้สัญลักษณ์ “Cultural Link” ของโรงแรมโซฟิเทล แขกจะได้รับการต้อนรับด้วยภาพวาดอันวิจิตรงดงามสองภาพและโคมระย้าขนาดใหญ่ซึ่งได้รับการติดตั้งระหว่างการปรับปรุงใหม่ของโรงแรมเมื่อไม่นานนี้และเป็นตัวแทนของการทักทายแบบ การไหว้ อันเป็นวัฒนธรรมไทยในส่วนของ Foyer โดดเด่นด้วยผลงานชิ้นเอกสองชิ้นจากศิลปินชาวไทยชื่อดัง สนั่น รัตนะ และ เริงศักดิ์ บุณยวาณิชย์กุล ตรงกลางมีโต๊ะประดับด้วยบทกวีไทยและฝรั่งเศส 40 บท สร้างสรรค์การผสมผสานที่น่าประทับใจระหว่างภาพและวรรณกรรม ส่วน Atelier จัดแสดงภาพวาดที่มีชีวิตชีวาอีกสี่ภาพ แต่ละภาพสะท้อนถึงแก่นแท้ของวิถีชีวิต มรดก และประวัติศาสตร์ไทยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น อะคริลิก น้ำมัน และสีน้ำ นำเสนอในบรรยากาศสตูดิโอที่เป็นกันเอง จากนั้น Celestial paths จะนำผู้ชมไปตามทางเดินที่กระตุ้นประสาทสัมผัส ผ่านภาพวาดอันน่าหลงใหลหกภาพ ซึ่งเปรียบเสมือนหน้าต่างสู่การตีความส่วนบุคคล ประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ครอบคลุมสองชั้นและโถงลิฟต์ของโรงแรม เพื่อเป็นรางวัลแก่แขกผู้เข้าพักที่เสร็จสิ้นการเดินทางแห่งการค้นพบ จะมีผลงานลับซึ่งเป็นผลงานที่เขียนด้วยลายมือของกวีที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งของไทยรออยู่ ณ จุดสิ้นสุดของนิทรรศการผลงานของศิลปิน ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์การเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 60 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิทรรศการ “ประกายเพชร สะท้อนใจ” ถือเป็นกิจกรรมล่าสุดในการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของโซฟิเทล ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดหรู ผสมผสานกับ joie de vivre และการบริการที่จริงใจ ตลอดปีนี้ ทางแบรนด์ได้มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขัน เพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับแขก และผสมผสานความมีชีวิตชีวาแบบฝรั่งเศสของโซฟิเทลเข้ากับจิตวิญญาณที่แท้จริงของแต่ละท้องถิ่น การเฉลิมฉลองอันอบอุ่นเหล่านี้จะยังคงแพร่กระจายไปทั่วอินโดจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้า ขณะที่โซฟิเทลเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมด้านอาหารสองรายการในฮานอย เมืองหลวงอันมีเสน่ห์ของเวียดนาม และนครวัด สถานที่สำคัญของกัมพูชาแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000103575
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/10/2024
ราว 150 ล้านปีที่แล้วในยุคครีเทเชียส ชุดหินสีแดงที่ก่อตัวขึ้นในเหตุการณ์กำเนิดเทือกเขาหิมาลัยนั้น ได้ค่อยๆ กลายเป็นหินทรายสีแดงขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตา จากการยกตัวขึ้นของเปลือกโลกและการถูกกัดเซาะด้วยสายลมและสายน้ำ จนก่อเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาภาพ: สำนักข่าวซินหัวปัจจุบัน จึงกลายเป็นทิวทัศน์ความงดงามทางของพื้นที่ “ตานเสีย” หรือ “เขาสายรุ้งตานเสีย” แหล่งธรณีวิทยาสุดตระการตาในตำบลซู่ผิง นครหลานโจว มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยลักษณะภูมิประเทศแบบภูมิลักษณ์ตานเสียสีสันสดสวยและรูปร่างแปลกตาเช่นนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนเยี่ยมชมและเก็บภาพฉากธรรมชาติอันงดงามภาพ: สำนักข่าวซินหัวความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของขุนเขาสลับซ้อนเป็นชั้นๆ ชวนให้ทั้งหลงใหลและประหลาดใจ โดยในภูเขายังมีแอ่งน้ำธรรมชาติน้อยใหญ่ซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ราวกับกระจกใสสะท้อนเงาของเขาสีรุ้งแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000103337
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
28/10/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับรางวัล Insurance Asia Awards 2024 ในสาขา International Life Insurer of the Year - Thailand จากนิตยสาร Insurance Asia ซึ่งได้คัดเลือกบริษัทประกันชีวิตจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงาน ทั้งในด้านการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ รางวัล Insurance Asia Award 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการให้บริการและความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
25/10/2024
“เงิน” ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และทุกคนอยากมีสิ่งนี้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุดแต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิ่งนี้เหมือนกันหมด บางคนต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา และบางคนยังติดอยู่กับความเชื่อลบ ๆ หมดไอเดียกับการดึงดูดเงินเข้ามาหาตัวเองอย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังตามหาคำตอบเรื่องนี้อยู่ นี่คือ 10 ขั้นตอนอันทรงพลังที่จะดึงดูดเงินเข้าหาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเริ่มทำตามสิ่งนี้1. หยุดความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับการเงินโปรดจำไว้เสมอว่า “เงินไม่ใช่รากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด แต่การไม่มีเงินเป็นบ่อเกิดของความชั่วร้ายทั้งหมด” และสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดึงดูดเงินของผู้คน คือความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับเงิน ลองคิดดูว่าเมื่อคุณมีมุมมองที่ไม่ดี แล้วสิ่ง ๆ นั้นจะอยู่กับตัวคุณได้ตลอดไปหรือ? แม้จะมีรายได้มากสักเท่าไหร่ สุดท้ายเงินก็หลุดจากตัวคุณไปอยู่ดี2. สร้างความคิดเชิงบวกดึงดูดเงินกฎของแรงดึงดูดคือ “ความคิดจะกลายเป็นสิ่งของ”ดังนั้น พลังในการดึงดูดเงินของคุณขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าคุณมีความคิดที่จะหาเงินขึ้นมาได้ และต้องคิดในเชิงบวกอยู่เสมอ เช่น ฉันต้องหาเงินได้, โอกาสหาเงินอยู่รอบตัวฉัน โดยการสร้างทัศนคติเชิงบวกจะเป็นจิตวิทยา สร้างพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้สำเร็จ3. คุณคู่ควรกับการดึงดูดเงินผู้คนส่วนใหญ่มักมีความคิดเสมอว่าเราไม่เหมาะสมกับสิ่งนี้ และมีคนอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่า แม้จะมีความฝันยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็มีความรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับ ทั้งที่ความเป็นจริงคุณมีศักยภาพที่จะทำเรื่องนี้ได้ แต่หากคุณเปลี่ยนความคิดว่าสิ่งนี้คู่ควรกับฉัน ก็จะทำให้เกิดหนทางใหม่ ๆ สร้างแสงสว่างให้กับตนเอง เพราะจักรวาลมีเส้นทางของมัน เมื่อคุณชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการ และรู้สึกว่าสมควรได้รับ กฎแรงดึงดูดจะทำงานเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา4. รักบิลค่าใช้จ่ายคุณเข้าใจถูกต้องแล้ว คุณต้องรักบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นจิตวิทยาซ่อนอยู่ คือคุณจะมีความภูมิใจกับตัวเองที่หาเงินมาจ่ายบิล ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าโทรศัพท์ ได้ทันตามเวลาที่กำหนด โดยแบบไม่ติดค้าง หรือผ่อนจ่ายงวดถัดไปให้คิดเสมอว่า คุณมีความสุข และเคารพตัวเองขณะจ่ายค่าบิลได้ทั้งหมด และคิดกลับกันว่าเงินจะต้องกลับมาหาฉันในวันข้างหน้า5. ยินดีกับโชคลาภของผู้อื่นหลายครั้งเราเห็นการใช้ชีวิตสุดหรู ฟุ่มเฟือย และอุดมสมบูรณ์ของผู้อื่น คุณรู้สึกมีความสุขหรือไม่?หากคุณรู้สึกยินดี นั่นหมายความว่ากฎแรงดึงดูดกำลังทำงาน แต่ผู้คนส่วนมากไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น กลับเป็นความรู้สึกอิจฉา พร้อมทั้งมุ่งเป้ามาหัวเองว่าทำไมถึงทำไม่ได้แบบเขา รู้สึกน้อยใจขึ้นมา โดยการหัดชื่นชมกับความโชคดีของผู้อื่น มองดูเป็นแรงบันดาลใจก็สามารถดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาได้เช่นกัน6. เห็นภาพความสำเร็จของคุณการสร้างภาพชีวิตในอุดมคติ ชัดเจนในเรื่องความสุข ความสำเร็จที่ควรได้รับ หากคิดถึงภาพในฝันของคุณในทุก ๆ วัน จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้เป็นไปตามนั้น รวมถึงเรื่องของการหาเงินที่จะทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น7. มองเห็นโอกาสในทุกที่ที่ไปการตระหนักถึงความรุ่งเรืองคือการตระหนักถึงการสร้างจักรวาลอันยิ่งใหญ่ หากคุณไปที่หนึ่งแล้วเห็นความเจริญรุ่งเรือง เห็นตึก อาคาร โรงแรมที่มีความหรูหราทันสมัย ถนนที่มีความสวยงาม ก็จะกลายเป็นการสร้างความสุข ดึงดูดความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในชีวิต8. ให้มากกว่ารับการให้เป็นประสบการณ์มหัศจรรย์ที่เพิ่มความสั่นสะเทือนกลับมาหาตัวเราเสมอ หลายคนอาจย้อนกลับมาว่า “ตัวเองยังดดูแลไม่ดีพอเลย จะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร”เรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การให้ไม่จำเป็นต้องให้เงินเสมอไป แต่คุณสามารถให้เวลา ให้การสนับสนุนได้ เมื่อคุณให้มากกว่าสิ่งที่คาดหวังในอาชีพ คุณก็จะได้รับมากขึ้นโดยอัตโนมัติ9. อยู่ในโหมดการรับหากมีคนมาให้อะไรคุณ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ, พาไปเลี้ยงข้าว, ช่วยเหลือ ขออย่าปฏิเสธ และชื่นชมกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า เพราะนี่คือสัญญาณว่าคุณมาถูกทางแล้ว สิ่งดี ๆ กำลังเดินเข้ามาหาคุณตามกฎของแรงดึงดูด10. เป็นคนกตัญญูความกตัญญู รู้คุณคนอื่น จะทำให้คน ๆ นั้นประสบความสำเร็จ เป็นแรงดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามา โดยเงินกับความกตัญญูเป็นเรื่องคู่กัน เมื่อขอบคุณกับเงินที่ได้มา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย กฏเรื่องแรงดึงดูดก็จะเริ่มทำงานอย่างทรงพลังที่มา: linkedinแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252143/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
25/10/2024
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน) Actuarial Business Solutions [ABS]หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า งานหลักของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยอีกอย่างหนึ่ง คือ การคำนวณระบบการจ่ายเงินของตัวแทนจำหน่าย (Agency Compensation Scheme) ว่าต้องจ่ายเป็นทอด ๆ เท่าไร ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะได้มากหรือได้น้อย จะต้องมีการวางงบประมาณเงินให้กับตำแหน่งในระดับไหน และต้องมีการทำการวิเคราะห์ Winner Loser Analysis ว่า ใครที่ขายแบบไหนจะเป็น Winner หรือขายแบบไหนจะกลายเป็น Loser เพื่อดูว่าจะมีสิทธิกระทบกับใครบ้าง และให้ทางฝ่ายที่ดูแลฝ่ายขายได้วางแผนการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและสุดท้าย ต้องไม่ลืมทำ Profit Test ทั้งพอร์ตว่า บริษัทที่จะจ่ายนั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้บริหารได้ตัดสินใจเคาะแผนผลประโยชน์ หลัก ๆ แล้วคือ การเอาสถิติหรือแผนผลประโยชน์มาประเมินเข้าแบบจำลองทางการเงิน และจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ให้กับบริษัทประกันได้ใช้ตัดสินใจว่าแผนผลประโยชน์แบบนี้จูงใจและยั่งยืนกับทุกฝ่ายแค่ไหน คำว่า “ยั่งยืน” จึงเป็นสิ่งสำคัญ และบ่อยครั้งในต่างประเทศก็ให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยคำนวณโครงสร้างของ “ธุรกิจเครือข่าย” แบบ MLM ให้เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็น MLM เพชรพลอย หรือสินค้าอุปโภคบริโภคใด ๆ ก็ตามข้อสังเกตแบบหนึ่งก็คือ ถ้าการออกแบบผลประโยชน์นั้น ทางแม่ข่ายหวังพึ่งพาหรือหวังเม็ดเงินจากการหาลูกทีมใหม่ ๆ เยอะจนเกินไป ก็จะทำให้เป็นธุรกิจที่แค่หวังว่าเกิดมาเพื่อที่จะดับไปเท่านั้นเอง และคนที่เข้ามาเป็นแม่ข่ายที่ชักชวนก่อนก็จะเป็นต้นน้ำที่ได้เปรียบกว่าเสมอ ซึ่งโครงสร้างแบบนี้ธุรกิจประกันจะไม่ทำกัน เพราะธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่ขายกระดาษและความน่าเชื่อถือ มีการกำกับดูแลอย่างดี มีการเน้นเพื่ออธิบายตัวสินค้า และผลประโยชน์จากการหาลูกหน่วยเข้าหน่วยของตัวเอง ต้องไม่ใช่ผลประโยชน์หลักข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งในการวิเคราะห์ว่า ธุรกิจแบบไหนที่ยั่งยืน คือ ต้องดูว่าต้นทุนของสินค้า อยู่ที่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย ยกตัวอย่าง ธุรกิจประกัน ต้นทุนสินค้า ก็คือ ผลประโยชน์ของผู้บริโภค เช่น ค่าเรียกร้องสินไหม ซึ่งเราก็เห็นอยู่ว่า Profit Margin ของธุรกิจประกันนั้นไม่ได้สูง แต่ก็สามารถอยู่รอดได้การออกแบบโครงสร้างผลประโยชน์ของตัวแทน จึงเรียกว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ทำให้โมเดลทางธุรกิจอยู่รอด เพราะถึงแม้ธุรกิจจะมียอดขายทะลุหลายพันล้าน แต่ถ้าหากไม่วางแผนโครงสร้างผลประโยชน์ให้ดี มันก็สามารถล้มได้เหมือนกัน เพราะตัวรากฐานโครงสร้างผลประโยชน์ที่ออกแบบมานั้น จะเป็นสารตั้งต้นในการชักจูงพฤติกรรมของตัวแทนและเครือข่ายให้เป็นไปตามทิศทางที่โครงสร้างผลประโยชน์นั้นได้ถูกออกแบบไว้แต่แรกดังนั้น กระดุมเม็ดแรกที่ออกแบบโครงสร้างไว้ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัท และต้องจัดสรรเม็ดเงินให้เหมาะสมกับทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียกัน เหมือนที่บริษัทประกันชีวิตต้องทำ Winner Loser Analysis ก่อน แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทจะให้มองไปในแง่บวกเพียงอย่างเดียว ในแง่ความเสี่ยงนั้น ตัวบริษัทก็ต้องวิเคราะห์เผื่อไว้ให้ตัวแทนด้วยในมุมกลับกัน บางธุรกิจ MLM ไปเน้นให้มีต้นทุนจากการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายของธุรกิจ MLM ที่สูง โดยเฉพาะการไปออกแบบให้จ่ายเงินจูงใจมาก ๆ ในการหาลูกข่ายของตัวเอง โดยไม่มุ่งเน้นถึงการขายสินค้า ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเทียบกับต้นทุนสินค้าจริง ราคาขาย 100 บาท อาจจะไปออกแบบเป็นต้นทุนสินค้าอยู่เพียง 20-30 บาท เผื่อแม่ข่ายอีก 40 บาท และลูกข่ายขายได้เพียงแค่ 20 บาท เป็นต้นถ้าถามว่า อาจารย์เคยถูกทาบทามให้ไปคำนวณให้กับธุรกิจเครือข่าย MLM ไหม อันนี้ก็เคยครับ แต่ถ้าแบบไหนที่รู้สึกว่ามันมีโอกาสที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ อาจารย์ก็จะปฏิเสธไป (เพราะคนที่คำนวณออกแบบต้นทุนเครือข่ายให้เขา ก็อาจมีสิทธิถูกพ่วงว่าเป็นคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง) คงต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนไปรับงานใครบทสรุปธุรกิจขายตรงที่ไม่ยั่งยืน และลูกข่ายระดับล่างเดือดร้อน คือ ธุรกิจที่เน้นจ่ายเงินให้แม่ข่าย กับพึ่งพารายได้จากการเน้นหาลูกข่ายจนเกินไป วิธีการสังเกต คือ จะเป็นธุรกิจที่เน้นโชว์ความร่ำรวย เพื่อชักชวนให้คนเข้ามาเป็นลูกข่ายเยอะ ๆ และต้องเสียค่าแรกเข้า โดยแฝงอยู่ในรูปแบบของการให้สต๊อกของแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1677063
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
25/10/2024
ดิ อาร์ตเฮาส์ นำเสนอนิทรรศการ “Untold Traces” โดยศิลปินภาพพิมพ์ 2 ท่าน ที่เป็นเพื่อนกันมาเป็นระยะเวลานาน คือ กิติก้อง ติลกวัฒโนทัย และ ชิน โคยามะ ผลงานแสดงออกถึงอัตลักษณ์ ความทรงจำ และประวัติศาสตร์ ภาพพิมพ์ชุดหายากที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ แม้จะแตกต่างกันทางด้านเนื้อหา แต่หากพินิจพิเคราะห์จะรับรู้ถึงความเหมือน นั่นคือการบันทึกร่องรอยต่าง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งร่องรอยในอดีตเป็นหัวใจสำคัญต่อการแปลความหมาย และความเข้าใจเรื่องราวถึงแม้ร่องรอยเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เคยมีอยู่และมักถูกมองข้าม แต่ร่องรอยนั้นแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของตัวบุคคล กิติก้องมีความสนใจในการเสาะหาตัวตน ส่วนชินบันทึกภาพประวัติศาสตร์ผสมผสานกับวัฒนธรรมร่วมสมัย นิทรรศการชุดนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายด้านการค้นคว้า การทดลองสร้างสรรค์ และบอกเล่าเรื่องราวในแบบฉบับของตนชิน โคยามะ นำเอาศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงอัตลักษณ์ร่วมสมัยของญี่ปุ่น เขาจัดเรียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ห่อหุ้มตัวละครต่างๆ ผลงานของเขามีความตื่นเต้นและความสนุกสนาน ซึ่งนำเสนอบทบาทของศิลปินในฐานะนักสำรวจประวัติศาสตร์ผ่านบริบทศิลปะสำหรับกิติก้อง ติลกวัฒโนทัย ผลงานพิมพ์นำเสนอสภาวะอารมณ์ความรู้สึกภายใน โดยการสังเกตร่องรอยของตัวตนที่ปรากฏขึ้นในสี และ รูปทรง ที่ผสมผสานระหว่างการพิจารณาตัวเองและการแสวงหาความงาม ความดิบ และความจริงที่ทำให้ตัวตนได้ปรากฏขึ้นนิทรรศการ “Untold Traces” • จัดแสดงที่ ดิ อาร์ตเฮาส์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้า ริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก • ถ. เจริญกรุง ซอย 24 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ • เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2567 • เวลาทำการ อังคาร ถึง อาทิตย์ เวลา 10.00 น. – 19.00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1449623/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
25/10/2024
ปัจจุบัน เทรนด์ในการเดินทางเที่ยวคนเดียว หรือ Solo Travel นั้น นับว่ากำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว เป็นการตัดสินใจเก็บกระเป๋าแล้วออกเที่ยวโดยไม่ง้อเพื่อน ไม่รอแฟน ไม่สนทัวร์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว การที่คนเราจะตัดสินใจออกไปท่องเที่ยวคนเดียวโดยไม่กลัวความเหงาและการต้องเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำพังนั้น เป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงมาก จนทำให้ใครหลายคนเริ่มใฝ่ฝันว่าอยากจะลองหนีไปเที่ยวคนเดียวดูสักครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ อย่างอิสระ และหลุดออกมาจากกรอบเดิมที่เคยล้อมรอบตัวเองไว้จริง ๆ แล้ว การเที่ยวคนเดียวฉายเดี่ยวทริปเนี่ยมันมีข้อดีอยู่หลายข้อเหมือนกัน อีกทั้งยังมีเสน่ห์ที่น่าลองออกไปค้นหา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่เราก็ควรจะลองไปเที่ยวคนเดียวให้ได้สักครั้งในชีวิต ไปให้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ถ้าไม่ชอบจะได้พูดได้เต็มปากว่าไม่ชอบที่ตรงไหน แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับคนที่ลองเปิดประสบการณ์ชีวิตเที่ยวคนเดียว ส่วนใหญ่เจอแต่คนที่หลงใหลการเที่ยวคนเดียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแล้วการเที่ยวคนเดียวเนี่ย มีเคล็ดลับอะไรที่น่าสนใจบ้างไหม บอกเลยว่ามันมีรายละเอียดจุกจิกมากมายไปหมด แต่ถ้าอยากจะลองฉายเดี่ยวแบบมือโปรล่ะก็ มีเคล็ดลับที่ต้องให้ความสำคัญเพียง 5 ข้อนี้เท่านั้น ส่วนรายละเอียดมันจะตามมาเอง หากเข้าใจ 5 ข้อนี้ดีแล้วเคล็ดลับ Solo Travel ออกเที่ยวคนเดียวแบบมือโปรความปลอดภัยต้องมาเป็นที่ 1เหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนยังไม่กล้าเสี่ยงที่วางแผนเดินทางคนเดียว ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของความปลอดภัย แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางเที่ยวคนเดียวฉายเดี่ยวทริปนี้มันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นถ้าเราทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เดี๋ยวจะเข้าใจผิดจนไม่กล้าเปิดใจเที่ยวคนเดียว คือถ้าเราสนใจกับคำเตือนทุกอย่าง หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปให้รอบคอบรอบด้าน ดูว่ามีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยแค่ไหน เช็กความปลอดภัยของโรงแรมที่พัก ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า เตรียมข้อมูลย่านที่ต้องหลีกเลี่ยง ส่วนสายดื่มชอบท่องราตรีในต่างแดน จะดื่มจนเมามายไม่ได้สติเด็ดขาด เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมสติให้พร้อม แค่นี้ก็ออกไปเที่ยวคนเดียวได้สบาย ๆ แล้วทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเรื่องของการเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องสถานที่ที่จะไปและวิธีการเตรียมตัวเมื่อต้องเดินทางคนเดียว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมเรื่องความปลอดภัย ก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ใดในโลกก็ตาม ควรทำการบ้านอย่างละเอียด ศึกษาหาข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ ก่อน โดยเฉพาะเรื่องศิลปวัฒนธรรม บรรทัดฐานของสังคม ภาษา อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ สถานที่ไหนที่ไม่ควรจะไป เพราะมันอันตราย สถานที่ที่เราจะขอความช่วยเหลือได้ในกรณีที่เกิดเรื่องร้ายแรง เช่น ถ้าไปต่างประเทศ ก็ต้องรู้ว่าสถานทูตไทยประจำต่างประเทศนั้น ๆ อยู่ที่ไหน เบอร์ติดต่อเบอร์อะไร สำหรับผู้หญิงที่ชอบเดินทางเที่ยวคนเดียว อย่าลืมหาข้อมูลในการรับมือกับปัญหาล่วงละเมิดทางเพศที่อาจจะเกิดกับตัวไว้ด้วยเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้จะบอกว่ามีบางคนนะที่กังวลมากเกินเหตุ จนในที่สุดก็ตัดสินใจเทตัวเองยกเลิกไม่ไปแล้ว ทั้งที่จ่ายสารพัดค่าใช้จ่ายไปหมดแล้ว จริง ๆ ก็เสียดายแหละ แต่บางคนประหม่าหนักถึงขั้นนั้นจริง ๆ คือถ้ากลัวมากขนาดนั้นที่เททริปตัวเองกลางคันได้ แล้วเมื่อไรจะได้รู้ล่ะว่าการเที่ยวคนเดียวมันมีข้อดี มีมุมที่สนุกมาก และที่สำคัญคือมันไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัวขนาดนั้นด้วย ของแบบนี้มันต้องใจกล้า ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดไปเลยว่าจะไม่หันหลังกลับ เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ว่า “ฉันทำได้” มันก็เหมือนกับการทดลองทำอะไรใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกนั่นแหละ ต้องลองทำก่อนถึงจะรู้ จะมาใช้ประสบการณ์คนอื่นตัดสินเพราะอ่านรีวิวมา หรือมโนไปเองว่าจะเกิดนั่นเกิดนี่ขึ้นไม่ได้หรอกมีแผนรับมือเรื่องฉุกเฉินเดินทางคนเดียว ต้องใส่ใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากเป็นพิเศษ ต่อให้จะไม่มีทางรู้ได้แน่ชัดก็ตามว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะเที่ยวบินล่าช้า หรือแย่กว่านั้นคืออาจไปบาดเจ็บเลือดตกยางออกในต่างแดนเข้า ดังนั้น ก่อนที่จะหนีไปเที่ยวคนเดียว ต้องวางแผนเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินไว้ด้วย เขียนแผนการเดินทางฉบับสมบูรณ์ให้เพื่อนหรือคนที่ไว้ใจได้รู้สัก 2-3 คน ซื้อประกันการเดินทาง เพื่อรับความคุ้มครองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระหว่างเดินทางหรือเมื่อเปลี่ยนแผนเดินทาง อัปเดตข้อมูลล่าสุดให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงรู้เสมอว่าไปอยู่ส่วนไหนของโลก และควรมีเงินสดติดตัว เก็บในที่ปลอดภัยไว้ใช้ยามฉุกเฉินการรับมือกับความรู้สึกที่ไม่มั่นคงแน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยแต่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูง ในการจะปรับตัวให้รับมือกับความอ้างว้างหรือโดดเดี่ยวเวลาที่เดินทางตัวคนเดียว เมื่อก่อนสนุกสนานเฮฮาหรือเศร้าเสียใจเกี่ยวกับทริปที่กำลังดำเนินอยู่ แค่หันหลังไปก็มีเพื่อนให้บ่น ให้ปรึกษาด้วย คอยให้กำลังใจกันและกัน ทว่าการเดินทางคนเดียว เวลามีเรื่องตลกขบขันก็ทำได้แค่หัวเราะอยู่คนเดียว ไม่รู้จะหันไปยิ้มไปหัวเราะกับใคร เวลามีเรื่องที่หน่วงใจ ก็ทำได้แค่หลบอยู่ห้องพัก ฮีลใจตัวเองเงียบ ๆ ไม่รู้จะบ่นให้ใครฟัง นี่คงเป็นข้อด้อยที่ชัดเจนที่สุดแล้วของการเที่ยวคนเดียว การที่เราหันหลังไปก็ไม่เจอใครให้แชร์ความรู้สึกร่วมกันเลยคงจะสร้างความรู้สึกที่ไม่มั่นคงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องจัดการมันให้ได้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1434177/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/08/2024
29/04/2024
30/04/2024
31/10/2024
27/06/2024