คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ห้องแสดงนิทรรศการ

ชวนทาสแมวชมนิทรรศการ MAMA MEOW เติมความรักให้แมวจร

23/08/2024

สำหรับทาสแมวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแมวสายพันธุ์ไหนหรือจะเป็นแมวจร ก็มีความน่ารักจนสามารถตกทาสแมวได้ไม่ต่างกัน นิทรรศการ MAMA MEOW จึงจุดประกายให้คนอยากมาอุปการะแมวจรมากขึ้นนิทรรศการ MAMA MEOW: The love of CAT's mommy is no reason จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนหันมาอุปการะแมวจรจัด #adoptdontshop และชวนให้คิด #ไม่รักก็อย่าทำร้ายหมาแมวจรจัด ซึ่งประกอบด้วยศิลปินมากมายทั้ง ศิลปินนักวาดภาพประกอบ สตูดิโอเซรามิก งานดิจิทัล นักประดิษฐ์ และช่างภาพหัวใจเหมียวในงานนอกจากจะมีผลงานศิลปะจัดแสดงแล้ว ยังมีสินค้าที่เกี่ยวกับแมวไว้ตกทาสแมวไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าน้องแมว เสื้อยืดที่ออกแบบโดยศิลปิน งานประดิษฐ์ ภาชนะเซรามิก หนังสือ และสินค้าอื่น ๆ ที่ทาสแมวต้องร้องกรี๊ดแน่นอน โดยจะนำรายได้หักค่าใช้จ่าย 30% มอบให้ 3 องค์กรที่ดูแลและช่วยเหลือหมาแมวจรจัด ได้แก่ มูลนิธิรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจร, Cat Lumpini แมวสวนลุม และ Catster by Kingdom of Tigersมาปลุกความเป็นแม่แมวกันแล้วคุณจะรักและเอ็นดูแมวมากกว่าที่เคย MAMA MEOW: The love of CAT's mommy is no reason จัดแสดงระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม - 9 กันยายน 2567 ชั้น 2 ร้าน c43: fashion and inspiration space ภายในโครงการ เจริญ 43 art and eatery เปิดให้ชมฟรี ทุกวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 12.00 - 19.00 ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/charoen43แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2808711

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

"โรงแรมม่านรูด" คืออะไรต่างจาก "โรงแรมทั่วไป" อย่างไร

23/08/2024

เมื่อได้ยินคำว่า "โรงแรมม่านรูด" อาจทำให้หลายๆ คนคิดไปถึงความหมายที่หลากหลาย แต่แท้จริงแล้วถ้าเราจะแปลความหมายของโรงแรมม่านรูดกันอย่างแท้จริงแล้ว ทราบหรือไม่ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปอย่างไรโรงแรมม่านรูด ต่างจาก โรงแรมทั่วไปอย่างไรจริงๆแล้ว รร.ม่านรูดต้นแบบน่าจะมีจากอเมริกา ชื่อภาษาอังกฤษ เรียก ว่า "MOTEL" (โมเทล)  น่าจะมาจากคำว่า Mobile + hotelโมเทล หรือที่พักริมทาง เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักการเดินทางด้วยรถยนต์ ในยุคที่รถยนต์กลายเป็นพาหนะหลัก การเดินทางระยะไกลก็กลายเป็นเรื่องปกติ การมีโมเทลที่กระจายอยู่ตามเส้นทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเดินทางที่ต้องการพักผ่อนระหว่างทาง โมเทลแต่ละแห่งมักจะมีที่จอดรถส่วนตัวติดกับห้องพัก และม่านหน้าห้องที่ทำหน้าที่เหมือนป้ายบอกสถานะว่าห้องนั้นว่างหรือไม่ ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเลือกห้องและเข้าพักได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายสำหรับในประเทศไทยโรงแรมม่านรูด เป็นที่พักรูปแบบหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก โดยมักจะเน้นการให้บริการที่รวดเร็วและตรงจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนระยะสั้นหรือคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อเทียบกับโรงแรมทั่วไป โรงแรมม่านรูดจะมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกในการเข้าพักที่ง่ายดาย และมักจะมีราคาที่ย่อมเยาลงความหมายของคำว่า "โรงแรม"โรงแรม คือ สถานที่ให้บริการที่พักแก่ผู้เดินทางท่องเที่ยว โดยมีรูปแบบและขนาดที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนประเภทของโรงแรมโรงแรมสำหรับผู้พักชั่วคราว: มักเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหรือใจกลางเมือง ให้บริการห้องพักรายวัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ร้านอาหาร บาร์ สระว่ายน้ำ และห้องประชุมโรงแรมสำหรับผู้พักอาศัย: หรือที่เรียกว่า อพาร์ตเมนต์ โฮเทล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักระยะยาว ให้บริการห้องพักพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกคล้ายกับที่พักอาศัย เช่น ครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้าโรงแรมสำหรับพักตากอากาศ: มักตั้งอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ชายหาด ภูเขา ให้บริการห้องพักแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน พร้อมกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจส่วนประกอบสำคัญของโรงแรมแผนกต้อนรับ: เป็นจุดแรกและจุดสุดท้ายที่ลูกค้าจะสัมผัส จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าแผนกแม่บ้าน: ดูแลความสะอาดของห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายแผนกร้านอาหาร: ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ลูกค้าแผนกอื่นๆ: เช่น แผนกบัญชี แผนกซ่อมบำรุง แผนกสันทนาการสิ่งที่ทำให้โรงแรมแตกต่างทำเลที่ตั้ง: โรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบาย เช่น ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง สถานีขนส่ง มักได้รับความนิยมสิ่งอำนวยความสะดวก: โรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา จะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าบริการ: การบริการที่เป็นเลิศและใส่ใจลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการอีกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448887/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การทำงาน

ทำไมบางคนทำงานที่เดิมได้นาน เพราะยึดติดอยู่กับ Comfort Zone จริงไหม?

22/08/2024

  •  คนที่ทำงานที่เดิมได้นาน อาจไม่ได้ติดกับดัก Comfort Zone เสมอไป แต่รู้จักเข้าโหมด Learning Zone เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ให้เบื่อ  •  หากเราไม่ได้รับการผลักดันมากพอ เราก็จะไม่กล้าออกจาก Comfort Zone แต่ถ้าถูกผลักดันมากเกินไป ก็จะเริ่มวิตกกังวลจนเข้าสู่ Panic Zone ซึ่งทั้งสองโซนนี้ทำให้การเรียนรู้ถูกจำกัด   •  ในทางกลับกัน ถ้าเรามุ่งเป้าไปที่ “จุดที่ลงตัว” ซึ่งก็คือ Learning Zone จะทำให้วัยทำงานพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกล แม้จะทำงานที่เดิมในโลกการทำงานมักจะมีชุดคำพูดหนึ่งในทำนองที่ว่า คนที่ทำงานที่เดิมนานๆ ได้ เพราะไม่อยากก้าวออกจาก Comfort Zone ของตนเอง หรือไม่กล้าก้าวออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหน?ในมุมหนึ่งอาจปฏิเสธไม่ได้ว่า บางคนรู้สึกติดกับดัก Comfort Zone กับงานเดิมของตนเองจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้น เพราะในอีกมุมก็มีวัยทำงานที่ทำงานที่เดิมนานๆ ได้ เพราะพวกเขารู้จักมองหา Learning Zone ให้ตนเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ หรือเพิ่มพูนสกิลใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งองค์กรต้องมีส่วนสนับสนุนให้พนักงานมีพื้นที่ดังกล่าวด้วย  •  Learning Zone Model คืออะไร ทำไมช่วยให้ไม่เบื่องาน?โดยแนวคิด Learning Zone Model นี้ ได้รับการพัฒนาโดยนักจิตวิทยาชาวรัสเซียที่ชื่อว่า เลฟ ไวก็อตสกี้ (Lev Vygotsky) และในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาคนอื่นๆ มากมาย รวมถึง ทอม เซนนิงเกอร์ (Tom Senninger) นักการศึกษาชื่อดังชาวเยอรมนีด้วย ซึ่งแนวคิดนี้อธิบายว่า คนเราต้องเผชิญกับความท้าทายเพื่อเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีความสมดุลต้องเหมาะสมหากเราไม่ได้รับการผลักดันมากพอ เราก็จะไม่กล้าก้าวออกจาก Comfort Zone ได้ แต่ถ้าเราถูกผลักดันมากเกินไป เราก็จะเริ่มวิตกกังวลและรู้สึกกดดันเกินไป จนเข้าไปอยู่ใน Panic Zone ซึ่งหากเราดันมาอยู่ในทั้งสองโซนนี้ จะทำให้การเรียนรู้ของเราถูกจำกัด ในทางกลับกัน ถ้าเราต้องมุ่งเป้าไปที่ “จุดที่ลงตัว” ซึ่งก็คือ Learning Zone จะทำให้คนเราสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกล  •  รู้ความแตกต่าง Comfort Zone, Learning Zone, Panic Zoneทีนี้ ลองมาทำความรู้จักกับประสบการณ์การเรียนรู้ในแง่ของการทำงานทั้ง 3 รูปแบบกันก่อน ได้แก่Comfort Zone: เป็นการทำงานในชีวิตประจำวันที่เราคุ้นเคย เพราะผ่านขั้นตอนการเรียนรู้และทำซ้ำมาแล้ว สามารถทำงานนั้นได้อย่างมั่นใจ และคุ้นเคยกับบุคลากรที่ต้องทำงานร่วมด้วย ทั้งนี้ Comfort Zone ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่ที่แย่เสมอไป แต่เป็นสถานที่ที่เราทำงานได้ดี กำหนดขอบเขตส่วนตัวได้ชัดเจน แต่การอยู่ใน Comfort Zone นานเกินไป อาจทำให้คุณไม่สามารถพัฒนาทักษะใหม่ๆ ได้ และอาจจำกัดโอกาสในหน้าที่การงานLearning Zone หรือ Growth Zone: เป็นการทำงานที่ต้องใช้ความสามารถที่คุณมีอยู่ให้ขยายขอบเขตออกไป ทำให้คุณได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ไปพร้อมกับการทำงานนั้น การก้าวสู่โซนแห่งการเรียนรู้จะทำให้รู้สึกหวาดกลัวหรือกดดันในตอนแรก แต่หากมองว่าเป็นโอกาสในการผจญภัย ปล่อยให้ตัวเองอยากรู้อยากเห็น เกิดการตั้งคำถาม และลองผิดลองถูกจนเกิดการเรียนรู้อย่างสมเหตุสมผล คุณก็จะทำงานได้ดีแถมยังพัฒนาตัวเองได้ไกลกว่าเดิม ซึ่งแรงกดดันในปริมาณที่พอเหมาะนี้ จะส่งผลดีและผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ทำให้คุณรู้สึกดิ้นรนหรือตื่นตระหนก (Panic)Panic Zone: เป็นโซนการทำงานที่จะทำให้คุณก้าวข้ามทั้งสิ่งที่คุณคุ้นเคย และสิ่งที่คุณคาดว่าจะต้องเรียนรู้ได้อย่างสมเหตุสมผล โซนนี้ไม่ใช่โซนที่ดีเลย เพราะจะทำให้รู้สึกว่าถูกครอบงำด้วยความต้องการที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งคุณไม่สามารถรับมือได้ ทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลัวว่าตนเองจะล้มเหลว สิ่งนี้อาจทำลายแรงจูงใจ นำไปสู่ประสบการณ์การทำงานที่ไม่ดีและไม่อยากกลับไปทำมันอีกเลย  •  หากความท้าทายในงาน มีความสมเหตุสมผล ก็จะก้าวสู่ Learning Zone ได้ดียกตัวอย่างเช่น คุณคุ้นเคยกับการรายงานความคืบหน้าของโครงการตามปกติให้กับทีมและหัวหน้าของคุณทราบอยู่แล้ว คุณจึงมั่นใจและทำงานนั้นออกมาได้ดีเสมอ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหาก CEO ขอให้คุณนำเสนอเกี่ยวกับความเหมาะสมของโครงการกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นขององค์กร จู่ๆ คุณก็จำเป็นต้องรวบรวมและจัดระเบียบเนื้อหาใหม่ และนำเสนอต่อผู้ฟังที่มีความต้องการสูง สถานการณ์นี้เองที่จะนำไปสู่ Learning Zone และ Panic Zoneอย่างไรก็ตาม หากความท้าทายที่คุณได้รับนั้นสมเหตุสมผลและไม่เกินทักษะของคุณมากเกินไป และคุณสามารถเข้าถึงการสนับสนุนที่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย ภารกิจที่อาจทำให้คุณตกใจในครั้งแรกแต่ท้ายที่สุดคุณก็ทำมันได้อย่างสบายใจขึ้น นั่นแปลว่าเข้าสู่ Learning Zone เมื่อทำได้ดีก็อาจส่งผลให้เจ้านายมอบบทบาทใหม่ให้ จึงทำให้สามารถทำงานที่เดิมได้นาน พร้อมกับได้เพิ่มทักษะใหม่ๆ ไปด้วยทั้งนี้ การก้าวออกจาก Comfort Zone ในที่ทำงานเดิม เพื่อหา Learning Zone ในที่ทำงานใหม่ก็ไม่ผิด หากมีโอกาสก็ย่อมทำได้ แต่สำหรับบางคนที่มีเหตุปัจจัยให้ไม่สามารถลาออกจากที่เดิมได้ อาจต้องปรับตัวและมองหาจุดที่จะขยับสู่ Learning Zone ในที่ทำงานเดิม  •  วิธีก้าวสู่ Learning Zone ในที่ทำงานเดิมอย่างมีประสิทธิภาพเอาเป็นว่าถ้าใครรู้สึกว่าอยากก้าวออก Comfort Zone ไปสู่ Learning Zone เพื่อพัฒนาตนเองในที่ทำงานเดิม โดยหลีกเลี่ยง Panic Zone อาจเริ่มจากฝึกฝนตนเองดังนี้1. ต้องเชื่อว่าคุณสามารถเรียนรู้ได้ และรู้สึกปลอดภัยที่จะทำเช่นนั้นคุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมถึงรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจในทีม หัวหน้าทีม หรือผู้ที่ให้คำปรึกษาคุณด้วย เพื่อให้สามารถเรียนรู้โดยไม่รู้สึกเครียด ซึ่งสิ่งนี้ต้องอาศัยวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง พนักงานจะต้องไม่กลัวที่จะถูกลงโทษหากทำผิดพลาด หากองค์กรไม่ซัพพอร์ต พนักงานก็จะไม่กล้าออกจาก Comfort Zone2. สร้างจุดเชื่อมโยงระหว่าง Comfort Zone และ Learning Zoneหลักการคือ ให้ใช้ทักษะและขั้นตอนที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็ไม่ควรจำกัดการเรียนรู้ของตัวเอง ต้องมั่นใจได้ว่าทักษะพื้นฐานของคุณยังคงดีอยู่เมื่อคุณก้าวเข้าสู่พื้นที่เรียนรู้ใหม่ อีกทั้งควรทำงานร่วมกับหัวหน้าหรือที่ปรึกษา เพื่อขอการสนับสนุนและคำแนะนำ เพื่อให้ก้าวสู่ Learning Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ3. เรียนรู้จากการสังเกต-เลียนแบบคนที่เก่งกว่าอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ก้าวสู่ Learning Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ เรียนรู้โดยการสังเกตและเลียนแบบคนที่เก่งกว่า หรือคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเราในที่ทำงาน ลองสังเกตบุคคลเหล่านั้นและเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขา หาจุดที่ตัวเองยังด้อยกว่า และพยายามปรับปรุงจุดนั้นให้ดียิ่งขึ้น หรือแม้แต่เข้าไปขอให้ช่วยสอนงานบางอย่างที่เราไม่เก่งแต่พวกเขามีความเชี่ยวชาญกว่า เพื่อให้เราได้ฝึกฝนสกิลเหล่านั้นไปในตัวย้ำอีกทีว่า หากต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริง องค์กรต้องเข้ามาสนับสนุนให้มีพื้นที่ให้พนักงานสามารถลองผิดลองถูกได้ โดยไม่ถูกตำหนิหากเกิดการผิดพลาด เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการเรียนรู้ และรักษาพนักงานที่มีศักยภาพเอาไว้ได้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1139053

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

Siam Paragon’s World Art Collective ชม 9 งานศิลปะจากศิลปินชั้นนำของไทยและโลก

22/08/2024

สยามพารากอน ฉีกกฎนิยามคำว่า ลักซ์ชัวรี่ ด้วยการนำงานศิลปะระดับโลกมาเปลี่ยนบรรยากาศของสยามพารากอนให้เป็นเหมือนแกลเลอรีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ กับที่สุดของงานศิลปะ Siam Paragon’s World Art CollectiveFocus  •  Siam Paragon’s World Art Collective มีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจที่จะขยายประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ จากการชอปปิ้งแฮงก์เอาท์เป็น “แพลตฟอร์ม” ที่เชื่อมโยงศิลปะ ศิลปิน กับผู้คน  •  Siam Paragon’s World Art Collective ชวนศิลปินไทยชื่อดังและศิลปินระดับโลกมาร่วม Co-create ผลงานศิลปะร่วมสมัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสยามพารากอนโดยเฉพาะในแบบที่เรียกว่า site specific art installationการเดินศูนย์การค้าจะเปลี่ยนไป เมื่อ สยามพารากอน ได้ฉีกกฎนิยามคำว่า “ลักซ์ชัวรี่” ด้วยการนำงานศิลปะระดับโลกมาเปลี่ยนบรรยากาศของสยามพารากอนให้เป็นเหมือนแกลเลอรีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ กับที่สุดของงานศิลปะ Siam Paragon’s World Art Collective ชวนศิลปินไทยชื่อดังและศิลปินระดับโลกมาร่วม Co-create ผลงานศิลปะร่วมสมัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสยามพารากอนโดยเฉพาะในแบบที่เรียกว่า site specific art installation พร้อมจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยมากมาย เชื่อมโยงประสบการณ์ศิลปะระดับโลกสู่สยามพารากอน เปิดประตูรับทุกคนมาร่วมเป็น “พลเมืองของโลกศิลปะ” ไปพร้อมกันนภนิศ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้บริหารกลุ่มงานสร้างสรรค์ประสบการณ์และกลยุทธ์โครงการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงแนวคิดของการเปิดพื้นที่ให้ประสบการณ์ศิลปะได้เข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์แบบมีสุนทรียะผ่าน Siam Paragon’s World Art Collective ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจที่จะขยายประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ จากการชอปปิ้งแฮงก์เอาท์เป็น “แพลตฟอร์ม” ที่เชื่อมโยงศิลปะ ศิลปิน กับผู้คน ให้ศิลปะผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น“สยามพารากอนถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เรามีสินค้าที่เป็นลักซ์ชัวรี่มากมาย ถือเป็นการใช้ชีวิตแบบสุนทรีย์อีกรูปแบบหนึ่ง ครั้งนี้เราเลยอยากก้าวข้ามนิยามคำว่า ลักซ์ชัวรี่ ด้วยการนำงานศิลปะที่เป็นสุนทรียะอีกรูปแบบหนึ่งเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ก้าวสู่การเป็น  จุดหมายปลายทางระดับโลกที่นำเสนอสุดยอดประสบการณ์มิติใหม่ ‘New World of Luxury’ ที่ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ลักซ์ชัวรี่หลากหลายมิติ ที่ไม่ได้ตีกรอบอยู่แค่สินค้าและการช้อปปิ้งอีกต่อไปซึ่งแน่นอนว่า “ศิลปะ” เป็นอีกนิยามของประสบการณ์ลักซ์ชัวรี่ และด้วยความที่สยามพารากอนเป็นเดสติเนชั่นของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นเราจึงมีแนวคิดที่จะดึงงานศิลปะของศิลปินชั้นนำจากหลากหลายชาติ ทั้งไทย ฝรั่งเศส อเมริกัน เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ มาให้ได้ชม ชาวต่างชาติที่เขาได้เห็นงานของศิลปินในบ้านเขาที่นี่ เขาก็จะได้รู้สึกว่าสยามพารากอน เป็นความภูมิใจของประเทศเขาเหมือนกัน”New World of Luxury เมื่อศิลปะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผลงาน Co-Creation ระหว่างสยามพารากอนและศิลปินระดับโลกรวมทั้งศิลปินชั้นแนวหน้าของไทยกับ Siam Paragon’s World Art Collective มีไฮไลต์ 9 ชิ้น เริ่มด้วยผลงาน  Aurora ของ ปาสกาล ดอมบีส์ (Pascal Dombis)  ซึ่งจัดแสดงด้านบนเพดานเหนือบันไดเลื่อน โซน Next Wealth ณ ชั้น 5 สยามพารากอน ความพิเศษคืองานระดับโลกชิ้นนี้เป็นงานติดตั้งถาวรตอกย้ำความเป็น New World of LuxuryAurora เมื่อแสงเหนือมาสาดสีที่ท้องฟ้าสยามพารากอนสำหรับ ปาสกาล ดอมบีส์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้สร้างสรรค์งาน co-creation ร่วมกับสยามพารากอนชิ้นล่าสุดกับผลงาน Aurora จัดแสดงโซน Next Wealth ชั้น 5 สยามพารากอน ศิลปินนำแรงบันดาลใจมาจากแสงเหนือและชิ้นงานแบบเรโทร โดยชิ้นงาน  Aurora ถูกออกแบบเป็นรูปทรงวงกลมคล้ายวงล้อทฤษฎีสี (Color Wheel ) สร้างจากแผ่นเลนติคิวลาร์ (Lenticular) ที่วางเหลื่อมซ้อนเป็นวง 24 แผ่น แต่ละแผ่นใช้สีตั้งต้น 1 สีมาผสมกับสีขาวและสีดำ จากนั้นป้อนข้อมูลเส้นสีแนวดิ่งทั้ง 3 สี ลงในระบบอัลกอริทึมแบบเกินพอดีจนทำให้เกิดการขัดข้องทางเทคนิคที่งดงาม กลายเป็นเอกลักษณ์ความโดดเด่นในงานของ ปาสกาล ดอมบีส์นอกจากนี้ ปาสกาล ดอมบีส์  ยังถนัดการผสมผสานแนวคิดศิลปะแบบมินิมอลกับความล้น (excessive) ผลลัพธ์ที่ได้คืองานดิจิทัลอาร์ตที่คนดูจะได้เห็นเฉดสี ลายเส้น การไล่สีซ้อนกันแบบคาดเดาได้ยากโดยงานชิ้นที่สร้างสรรค์ร่วมกับสยามพารากอนนี้ ศิลปินย้อนเล่าถึงความน่าสนใจของแสงเหนือว่าเป็นแสงสีที่ทำให้คนตื่นตาตื่นใจมานานนับพันปี เป็นแสงสีที่เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ เขาจึงต้องการสร้างอะไรที่หยุดคนดูและประสบการณ์เกี่ยวกับแสงสีนี้ไว้ แต่เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลเข้ามาหยุดปรากฏการณ์นับพันปีนี้ไว้ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การสร้างงานศิลปะ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่แกลเลอรี อย่างสยามพารากอน ที่เขาอยากจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชมปาสกาล ดอมบีส์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส“คนที่มาที่ศูนย์การค้า ต่างกับคนที่เดินเข้าแกลเลอรีเพื่อตั้งใจไปชมงานศิลปะโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นศิลปินเองต้องหาวิธีที่จะสะกดพวกเขา ต้องทำให้เขาตะลึงเพื่อที่เขาจะได้หยุดดู และสนใจงาน แบบ ว้าว มันคืออะไรเนี่ย…”ปาสกาล ดอมบีส์ ยังได้ทิ้งท้ายถึงการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมงานศิลปะในพื้นที่เปิดอย่างสยามพารากอนว่า สำหรับเขาแล้วที่นี่ถือเป็นพื้นที่สร้างสรรค์งานที่มีความท้าทายอย่างมาก เพราะย่อมต่างจากการจัดแสดงงานในอาร์ตแกลเลอรีเฉพาะทาง แต่ข้อดีก็คือทำให้งานศิลปะสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากยิ่งขึ้น“การแสดงงานศิละปะในพื้นที่เปิดอย่างสยามพารากอน ที่มีผู้มาเยือนสถานที่แห่งนี้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก เฉลี่ย 150,000 – 200,000 คนต่อวัน เป็นการเปิดโอกาสในการเข้าถึงงานศิลปะ และงานศิลปะเข้าถึงมวลชนได้ ต่างจากในแกลเลอรีที่บางทีอาจจะมีคนดูหลักสิบหลักร้อยเท่านั้นเอง”จากซ้าย : ปาสกาล ดอมบีส์ และ นภนิศ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้บริหารกลุ่มงานสร้างสรรค์ประสบการณ์และกลยุทธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัดทั้งนี้ นภนิศ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้บริหารกลุ่มงานสร้างสรรค์ประสบการณ์และกลยุทธ์  บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้ร่วมออกแบบ Siam Paragon’s World Art Collective ได้กล่าวเสริมถึงการคัดสรรศิลปินมาร่วมสร้างสรรค์งาน และนำศิลปะมาสู่พื้นที่ที่เป็นสาธารณะอย่างสยามพารากอน ว่า เหตุผลที่สยามพารากอน ชวนปาสกาล ดอมบีส์มาร่วมสร้างสรรค์ศิลปะครั้งนี้ เพราะเห็นความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่งาน Aurora ยังทำให้ผู้ชมได้ประสบการณ์ที่แตกต่างและแปลกใหม่ เป็นงานที่ชมได้ 360 องศาผ่านมุมมองที่แตกต่าง เริ่มจากจุดที่ยืนหน้าบันไดเลื่อนชั้น 4 และจนถึงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ชิ้นงานมากขึ้น ก็จะเห็นความเข้มข้นของสีที่ต่างกัน จากสีอ่อนหวานพาสเทลไปจนถึงโทนสีเข้มสด เฉดสีเข้มอ่อนที่ต่างกัน และรูปทรงของแสงสีที่ต่างกันออกไปตามมุมมองที่ผู้ชมยืน เหมือนอย่างที่ “ศิลปะทำให้ผู้ชมได้มองสิ่งต่างๆ ในมุมที่ต่างออกไป”ไฮไลต์ 9 ศิลปะ Siam Paragon’s World Art Collectiveสำหรับ Siam Paragon’s World Art Collective จัดแสดงตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงเพดานชั้น 5 ของสยามพารากอน มี ไฮไลต์ได้แก่  •  “Aurora”  ดิจิทัลอาร์ต ในรูปทรงกลมคล้ายวงล้อทฤษฎีสี แรงบันดาลใจจากแสงเหนือและแสงสีบนแผ่นเลนติคิวลาร์ โดย Pascal Dombis ศิลปินชาวฝรั่งเศส ประสบการณ์ชมศิลปะมุมมอง 360 องศาและใกล้-ไกลในแนวดิ่ง  •  “Dylie” ประติมากรรมไฟเบอร์กลาส สร้างสรรค์จากคาแรคเตอร์ ไดลี่ ยมทูตน้อยน่ารักตัวสีม่วงที่ผสานสองขั้วของคาแรคเตอร์ ความน่ารักแบบเด็กน้อยกับการเล่าสอตรี่ด้านดาร์ก  สร้างสรรค์โดย JWON หรือ สรายุทธ คุระแก้ว ศิลปินไทย นักวาดภาพ นักออกแบบคาแรคเตอร์ ที่กำลังมาแรงในแวดวงอาร์ตทอยและของสะสม  •  “Cascading Melody” งานประติมากรรมสำริด โดดเด่นในเรื่องของแพทเทิร์น จังหวะ และความสมดุล ผลงานของ John Helton ประติมากรชาวอเมริกันแรงบันดาลใจจากโลกที่เชื่อมโยงกันเป็นนิรันดร์และเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา  •  “Red Bubble” งานประติมากรรมสีแดงสะดุดตาโดย Donghoon Oh ศิลปินร่วมสมัยชาวเกาหลีใต้     แรงบันดาลใจของงานชิ้นนี้มาจากฟองสบู่ที่เด็กๆ เป่าเล่นกัน  •  “คิดถึง” งานประติมากรรมไฟเบอร์กลาสผสมไม้ สื่อถึงความเหงาเดียวดายของมนุษย์ผ่านรูปทรงตัดทอนด้วยอารมณ์ความรู้สึกและจินตนาการส่วนตัว สร้างสรรค์ โดย นฤทธ์ธรณ์ เศรษฐคุณรัฐ  ประติมากรไทยที่มีชื่อเสียงกับงานพุทธศิลป์สมัยใหม่   •  “ไอ แอม ยู” (UOY MA I) ประติมากรรมคาแรคเตอร์ “น้องมะม่วง” เวอร์ชั่นนี้ สื่อเรื่องราวภาพสะท้อนและมุมมองต่อโลกของปัจเจกบุคคล เหมือนการส่องกระจกสะท้อนตัวเองและได้ครุ่นคิดถึงชีวิตตัวเอง งานสร้างสรรค์ของ  วิศุทธิ์ พรนิมิต ศิลปินไทยผู้สร้างสรรค์คาแรคเตอร์น้องมะม่วง ทั้งในงานคอมิกส์ แอนิเมชัน  •  “ไม่มาไกลเพื่อถอยหลัง”  งานประติมากรรมไม้ไผ่ โดย อินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ปี พ.ศ. 2542 งานที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางของศิลปินไปเยือนถิ่นเกิดของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ถึงเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ไปคนเดียวเจออุปสรรคมากมาย แต่ความพยายามไม่ย่อท้อทำให้ศิลปินไปถึงจุดหมายในที่สุด  •  “The Way it Shapes You” งานประติมากรรมโลหะผสมเหล็กหล่อ สื่อถึงความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ  จากศิลปินชาวเนเธอร์แลนด์ Pieter Obels ผู้โดดเด่นด้วยการสร้างสรรค์เหล็กหล่อโลหะหนักให้เป็นงานศิลปะที่ให้ความรู้สึกเบา อ่อนช้อย ลื่นไหล ความงามที่สอดคล้องและมีความสมดุล  •  “Kinetic Waves” และ “Vortex”  ผลงานดิจิตัลอาร์ตที่ให้ประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟ 2 ชิ้น โดย มิเกล เชอวาลิเยร์ ศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้บุกเบิกศิลปะแนวดิจิตัลอาร์ตมากว่า 40 ปีFact File  •  รับชมคอลเล็คชัน Siam Paragon’s World Art Collective ได้ตั้งแต่วันนี้ทั่วพื้นที่  สยามพารากอน  •  ติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปะใหม่ที่จะมาจัดแสดงเพิ่มเติมในอนาคต ได้ที่ FB : SiamParagonแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448831/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ไม่ธรรมดา “Phangnga Bay SUP Fest 2024” ตอกย้ำภาพลักษณ์พังงาเมืองแห่ง Surf Town

22/08/2024

ททท.พังงาจัด Phangnga Bay SUP Fest 2024 กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น ดนตรีมันจนฝรั่งขาหักออกลีลาอย่างสนุกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานพังงา ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลกะไหล,ชมรมกีฬากระดานจังหวัดพังงา, ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสามช่องเหนือ, YEC หอการค้าจังหวัดพังงา, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม “Phangnga Bay SUP Fest 2024 #Season2” ขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริเวณท่าเรือท่องเที่ยวชุมชนบ้านสามช่องเหนือ ต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงาPhangnga Bay SUP Fest 2024สำหรับงาน Phangnga Bay SUP Fest 2024 #Season2 จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวพังงาช่วงกรีนซีซั่นไตรมาส 3 โดยก่อนการแข่งขันนั้นมีเวทีเสวนาเรื่องกีฬาพายซับบอร์ดต่อด้วยการแสดงดนตรีของศิลปินแร็ปเปอร์ปักษ์ใต้ชื่อดัง “บังซี๊ด&เฟรดดี้ วี”ซึ่งสร้างความมันให้กับผู้ร่วมงานหน้าเวที ชาวต่างชาติที่ขาใส่เฝือก ยังออกลีลาตามเพื่อนอย่างสนุกสุดมันนายอุทิศ ลิ่มสกุลนายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ ททท.พังงา กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “Phangnga Bay SUP Fest 2024 #Season2 เป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เพื่อสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวพังงาช่วงกรีนซีซั่นไตรมาส3 แล้วยังเป็นการกระจายการท่องเที่ยวจากพื้นที่หลักไปสู่พื้นที่รอง ที่สำคัญยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของจังหวัดพังงาในการเป็น Surf Town พร้อมได้เปิดเส้นทางกิจกรรมกระดานยืนพาย และกิจกรรมเรือพายใหม่ให้บริเวณบ้านสามช่องเหนือ โดยกำหนดกิจกรรมให้มีการแข่งขันพายซับบอร์ด และเรือคายัค 3 ประเภท การพายระยะทาง 5 กิโลเมตร จำนวน 2 รุ่น , การพายแบบสปริน (ใช้ความเร็ว) เส้นทาง 200 เมตร จำนวน 1 รุ่น ,แบบแรลลี่ ระยะทาง 1 กิโลเมตร โดยมีเกมส์ระหว่างการแข่งขันแบบหาสัญลักษณ์ ระหว่างทาง จับเวลาและระยะทาง เพื่อจูงใจให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้วางแผนเข้าร่วมกิจกรรมและเพิ่มความท้าทายในเกมส์การแข่งขัน นอกจากนี้จัดให้มีกิจกรรม CSR เก็บขยะระหว่างพาย เพื่อนำขยะขึ้นมาบนฝั่งและนำมาแลกของที่ระลึก จัดให้มีคลินิกให้ความรู้กับผู้ที่สนใจในกีฬายืนพาย เรือพายแบบคายัค จัดให้มีกิจกรรมการเรียนการสอน วิธีช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยฝึกให้กับยุวชนของชุมชนและผู้ร่วมกิจกรรมอีกด้วยPhangnga Bay SUP Fest 2024Phangnga Bay SUP Fest 2024แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000076608

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กลุ่มบริษัทเอไอเอ แถลงผลประกอบการอันยอดเยี่ยมในครึ่งแรกของปี 2567

22/08/2024

มูลค่าธุรกิจใหม่ทำสถิติ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้นได้ตามเป้า ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเงินปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2ฮ่องกง, 22 สิงหาคม 2567 - กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยอัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:ผลประกอบการของธุรกิจใหม่  •  มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ถือเป็นสถิติใหม่ คิดเป็นมูลค่า 2,455 ล้านเหรียญสหรัฐ  •  ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 คิดเป็น 4,546 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)  •  กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 3.3 จุด เป็นร้อยละ 53.9มูลค่าพื้นฐานของกิจการ  •  กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 5,350 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 ต่อหุ้น  •  อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (ROEV) อยู่ที่ร้อยละ 16.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.9 ในช่วงตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา  •  ผลการดำเนินงานและการลงทุนเป็นไปในทิศทางที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก  •  ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 70.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกรายงานทางการเงิน (IFRS)  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 3,386 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้น  •  อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ร้อยละ 15.3 เพิ่มขึ้นมาจากร้อยละ 13.5 ในปี 2566  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569เงินกองทุนส่วนเกิน  •  มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 3,391 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้น  •  เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG)(3) อยู่ที่ 2,243 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่  •  อัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้น(4) อยู่ที่ร้อยละ 242 ตามหลักของฐานงบการเงินล่วงหน้า (pro forma basis)เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน  •  ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน  •  เพิ่มมูลค่า 2.0 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการซื้อหุ้นคืนที่ประกาศในเดือนเมษายน ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 12.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ   •  เงินปันผลระหว่างกาลอยู่ที่ 44.50 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอได้แสดงผลงานอันยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เราประสบความสำเร็จในการสร้างผลกำไรทางธุรกิจใหม่ การเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างเงินกองทุนส่วนเกินที่แข็งแกร่ง และคืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ถือหุ้น นอกจากนี้ เรายังได้ประกาศกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้น และเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 ไปเป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569 ตัวเลขที่พาดหัวข่าวในวันนี้ ที่เรามีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็นผลโดยตรงมาจากความสามารถของเอไอเอในการส่งมอบธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรได้หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะสมอยู่ในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อรักษาการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสด“ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2567 เราได้ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น จำนวน 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน คณะกรรมการได้ประกาศเพิ่มโครงการซื้อหุ้นคืนของเราอีก 2.0 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 12.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในวันนี้คณะกรรมการได้ประกาศเพิ่มเงินปันผลระหว่างกาลอีกร้อยละ 5.2 เป็น 44.50 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอย่างมากของเอไอเอ ตลอดจนความเชื่อมั่นในการดำเนินงานและทางการเงินในอนาคตของเรา“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมกับการใช้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผมมั่นใจว่าด้วยการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่แน่วแน่ของเราอย่างต่อเนื่อง เราจะยังคงสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่เอไอเอมีอยู่อย่างมากมายได้ต่อไป เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าเราในการสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืนในระยะยาว”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

คนไทยเครียดปัญหาการเงิน “หนี้ครัวเรือน” พุ่ง กลัวเกษียณไม่ได้ TFPA ชี้ต้องรีบ “รับมือ”

21/08/2024

- คนไทยกำลังเจอปัญหาวิกฤติหนี้ เข้าคุกคาม โดย เกือบครึ่ง กังวลปัญหาด้านการเงิน จะทำให้เกษียณไม่ได้ โดยสาเหตุหลักมาจากหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูงวิโรจน์ ตั้งเจริญ CFP นายกสมาคมนักวางแผนทางการเงินไทย หรือ TFPA เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้สินในสังคมไทยยังเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่กลายเป็นปัญหาหลัก ซึ่งจากการสำรวจของสมาคม พบว่า ประชาชนมีความเครียดในด้านปัญหาทางการเงินมากถึง 42%“ปัญหาด้านการเงินเป็นสิ่งที่คนไทยเครียดมากที่สุด ซึ่งจากการสำรวจของสมาคม ในผู้ที่ร่วมงาน Set in the City กว่า 340 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 42% เครียดในปัญหาด้านการเงิน และต้องเร่งแก้ไข”จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง พบว่า สาเหตุอันดับต้น ๆ ของความเครียดในด้านการเงินนั้น 56% เครียดจากการไม่มีเงินออมเพื่อการเกษียณอายุ และ 46% เครียดในเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่งผลต่อความสุขในการดำเนินชีวิตที่ลดลงปัญหาความไม่เพียงพอของเงินออมเพื่อการเกษียณอายุ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาหนี้ที่มีมากเกินไป สะท้อนจากตัวเลขของหนี้ครัวเรือนไทยที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องเร่งแก้ไข ในมุมของสมาคมนักวางแผนทางการเงินได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการสร้างคลินิกแก้หนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยสมาคมมองว่าการแก้ไขปัญหาหนี้สินนั้นควรได้รับคำปรึกษาจากนักวางแผนทางการเงินเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพสูงสุดอุตสาหกรรมนักวางแผนทางการเงินของไทย ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักวางแผนการเงินน้อยกว่าประเทศอื่นอย่างมากเมื่อเทียบกับเอเชีย โดยไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน มีนักวางแผนทางการเงินเพียง 593 คน ในขณะที่มาเลเซียมีประชากร 33.4 ล้านคน มีนักวางแผนทางการเงิน 2,509 คน ส่วนสิงคโปร์มีประชากรประมาณ 7 ล้านคน แต่มีนักวางแผนทางการเงิน 1,238 คนเมื่อเทียบสัดส่วนกับประชากร ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนนักวางแผนทางการเงินน้อยสุดในเอเชีย นักวางแผนทางการเงินจะมีส่วนช่วยในการวางแผนด้านการเงิน ทั้งการจัดการหนี้สิน และการบริหารความมั่งคั่งในด้านการเงินให้กับผู้รับบริการสมาคมจะเร่งดำเนินการใน 2 ส่วน โดยในส่วนของการเพิ่มจำนวนนักวางแผนการเงินที่ได้รับ CFP จะต้องมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาไทยสามารถผลิตนักวางแผนทางการเงินอยู่ที่ระดับ 60-80 คนต่อปี เราต้องพัฒนาในส่วนนี้ โดยมีเป้าหมายว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้าจะต้องมีจำนวนนักวางแผนการเงินที่ได้รับ CFP จำนวนทั้งสิ้น 800 คน และใน 4 ปีข้างหน้า ต้องมีจำนวนนักวางแผนทางการเงิน 1,000 คนส่วนในฝั่งของดีมานด์หรือความต้องการใช้นักวางแผนทางการเงิน จะต้องเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อปูทางการใช้บริการมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนมักจะมองว่าการเข้ารับบริการวางแผนทางการเงินนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งในส่วนนี้ ทางสมาคมจะต้องเร่งผลักดัน ทั้งการสร้างความรับรู้กับประชาชนในวงกว้างถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน และการเดินหน้าแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐhttps://www.thairath.plus/money/economics/thailand_econ/2808967

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

สาวช็อก ทำประกันชีวิตป่วยหนัก เข้ารพ.บ่อย โดนบริษัทยกเลิกให้เหตุผลว่าเคลมเยอะไป

21/08/2024

สาวช็อก ร่ายยาวเล่าประสบการณ์ทำประกันชีวิตเพราะที่บ้านป่วย เข้ารพ.บ่อย ล่าสุดถูกบริษัทยกเลิกไม่ให้ต่อกรมธรรม์ จ่ายเงินแล้วแต่กลับโอนเงินคืน ให้เหตุผลว่าเคลมเยอะไปกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวลงในเพจพวกเราคือผู้บริโภค เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ทำประกันชีวิต โดยเธอเล่าว่าตัดสินใจทำประกันชีวิตให้ตัวเองและคนในครอบครัว เนื่องจากที่ผ่านมาลูกของเธอมีอาการป่วยทอมซิล ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ จึงใช้ประกันเคลมในการรักษา เช่นเดียวกันกับช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวติดเชื้อโควิด จึงใช้สิทธิ์เคลมประกัน รวมค่าหมอทั้ง 5 คน น่าจะไม่ต่ำกว่า 800,000 และประกันทั้ง 5 คนจ่ายหมด โดยมีใจความสำคัญว่าเราก็มองประกันทุกรูปแบบเลย คือเห็นคุณค่าประกัน  รักประกันเลยค่ะ จะกอดไว้แน่นๆ บริษัทแรกเราทำมา 5 ปีเข้าปีที่ 6 สมัยนั้นยังไม่มีเหมาจ่าย ค่าห้องก็น้อย ค่ารักษาก็น้อย ไปรพ.ทีได้จ่ายค่าส่วนต่างตลอด เราเลยมองประกันเหมาจ่าย ตัวแทนหลายบริษัทมาเสนอเรา เรามองแต่ค่ารักษาหลายล้านไว้เพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว เลยอยากทำสักกรมที่เชื่อมั่นแล้วถือยาวๆ”แต่ปัญหาเริ่มมีเมื่อปีที่แล้ว ที่บ้านเราป่วยกันบ่อยมาก โรงเรียนเริ่มเปิดหลังโควิดระบาด ลูกเรา 2 คนแรกไป ร.ร.ก็จะติดไข้หวัดใหญ่มาตลอด คนหนึ่งติด เอามาติดอีกหลายคนในบ้าน ทำให้เราติดไปด้วย บวกกับเราคลอดลูกคนที่ 3 เมื่อปี 64  เราให้นมลูกด้วยเลยทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน เป็นรอบเดือน 8 เดือนเต็ม จนตอนนี้คุณหมอขูดมดลูกอาการนั้นก็หายไป แต่การที่เราเป็นหวัดบ่อย นานวันเข้าเลยทำให้เราเป็นไซนัส”ตอนนั้นเราไม่เครียดอะไรเลยเพราะเรามั่นใจในประกันที่เราถือมายาวนาน ถือประกันมา 5 ปี  อีกที่สีฟ้าน้ำเงินถือมา3ปีเข้าปีที่ 4 ตอนออกรพ. ประกันจ่ายหมด เคลมหมด เรานี่เก่าประกาศให้เพื่อนๆ ญาติๆซื้อตามเยอะมาก หลังจากนั้นที่ออก รพ.เดือนกพ.67เราก็ ปกติไม่มีอาการประจำเดือนออกผิดปกติอีก และอาการหวัดย่อยเพราะจมูกบวมก็หายไป ครบปีจ่าย 8 มิ.ย.2567 เราก็จ่ายค่าเบี้ยรายปี 46,xxx ไปปกติแต่แล้วมีเจ้าหน้าที่บริษัทโทรมาบอกว่าเราโดนยกเลิกไม่ให้ต่อ เดี๋ยวค่าเบี้ยเขาก็โอนคืน  เราเลยรีบโทรเข้าบริษัท เราเขียนหนังสือขออุทธรณ์ว่าเราป่วยจริง เรามั่นใจในบริษัทมาตลอดทำไมมายกเลิกเรา สุดท้ายการร้องขอบริษัทหลายรอบ4รอบได้ไม่เป็นผล บริษัทยกเลิกไม่ให้เราต่อกรมธรรม์ปีที่ 4 ทั้งๆเราจ่ายแล้วแต่ก็โอนเงินคืน ให้เหตุผลที่ไม่ให้ต่อว่า1. ประกันสุขภาพเป็นปีต่อปี บริษัทสามารถยกเลิกได้ตลอดถ้าบริษัทพิจารณาแล้วว่าลูกค้ามีความเสี่ยงสูง (เคลมเยอะ) เราทำค่ารักษาเหมาจ่ายไว้ 10 ล้าน ปีที่แล้วเราใช้ไป 6.5 แสน บริษัทไม่สามารถรับความเสี่ยงได้2. บอกว่าเราเคยไปนอนรพ.ด้วยอาการปวดหัว รอบนั้นไม่มีเหตุจำเป็นต้องนอน เราเลยแย้งว่าถ้าไม่จำเป็นทำไมบริษัทอนุมัติค่ารักษา แล้วรอบนั้นเราก็ไม่แค่ปวดหัว เราขอประวัติการรักษาทั้งหมดมา คุณหมอลงว่าเราปวดหัวรุนแรง ตาลืมไม่ขึ้น ปากพูดไม่ได้ มือจีบ เราอธิบายไป เจ้าหน้าที่เป็นถึงหัวหน้าร้องเรียนบริษัทบอกว่า เอาเป็นว่าบริษัทไม่สามารถต่อให้3. ของสามีเราไม่เคยเคลมเลยทำมา 2 ปีค่าเบี้ยในประวัติคนจ่ายก็คือเรา อันนี้ของสามีเราไม่ยกเลิก เพราะแน่ๆ ไม่เคยเคลม  เราอยากให้หลายคนกลับไปดูกรมธรรม์ตัวเองค่ะ บางคนถือมา 10 ปี  ปีที่ 11 ป่วยหนัก บริษัทสามารถยกเลิกได้นะคะ คนไทยไม่ควรมาเจอแบบนี้  กลัวคนหนึ่งจะเปิดใจกับประกันได้ก็ยากแล้ว แทนที่จะเก็บลูกค้าดีๆ เพราะการบริการของลูกค้าเก่า มีผลต่อลูกค้าใหม่ที่จะเชื่อมั่นและมั่นใจในการถือกรมธรรม์ยาวๆเราอยากให้คปภ.กลับไปพิจารณาบริษัทที่ไม่เที่ยงตรงแบบนี้กับคนไทย  คนไทยหลายคนไม่ทราบว่ากรมธรรม์ที่ถือมายาวๆบริษัทประกันสามารถยกเลิกได้ คปภ.ควรย้อนกลับไปออกกฎหมายให้คุ้มครองบุคคลที่ถือมาหลายปีด้วยค่ะ  ไม่ใช่แค่2ปีนี้ ทำไมแค่ 2 ปี แล้วคนถือมา 20 ปี คิดว่าแน่นอน แต่จริงๆไม่แน่นอนนะคะ จริงๆทุกบริษัทสามารถยกเลิกได้หมด แต่ไม่มีบริษัทดีๆ ที่ไหนเขาทำกันแบบนี้กับลูกค้าที่บริสุทธิ์ใจ เราไม่อยากให้ใครมาเจอแบบเรา ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากแท็กที่เกี่ยวข้อง  ประกันชีวิต ,ประกันชีวิตเคลมเยอะแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ ch3plushttps://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/413585

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ชวนเที่ยวงาน FINDING UNICORN ชมอาร์ตทอยชื่อดังจากจีน ที่ไอคอนสยาม

21/08/2024

FINDING UNICORN อาร์ตทอยชื่อดังจากประเทศจีน จัดนิทรรศการครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไอคอนสยามตั้งแต่วันนี้จนถึง 29 สิงหาคม 2567 บอกเลยว่าคนรักอาร์ตทอยไม่ควรพลาดFINDING UNICORN แบรนด์อาร์ตทอยชื่อดังจากประเทศจีนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เอาใจคนรักของเล่นและนักสะสมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการจับมือไอคอนสยาม เปิด Pop-up Shop สร้างสวนสนุกฤดูร้อนภายใต้ธีม “FINDING SUMMER LAND HELLO! BANGKOK” พาเหล่าคาแรกเตอร์รุ่นลิมิเต็ด อาทิ• 300% APOLLO BOB• 150% AZTEC BOB (แฮนด์เมดโดยศิลปิน)• 65% SMOOTHIE BOB• 105% TRIPLE APPLE กับ APPLE RiCO• 73% SWEET AND POISONOUS ShinWooPixel Full Universe Series Blind Boxและอีกมากมาย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสีสันอันสดใสของฤดูร้อน มาเติมสีสันช่วงซัมเมอร์ให้กับแฟนๆ ชาวไทย พร้อมเปิดตัวกล่องสุ่มคอลเลกชันใหม่ Pixel Full Universe Series Blind Box ที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี FARMER BOB คาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของแบรนด์ และกล่องสุ่มรุ่นลิมิเต็ดของหนูน้อย zZoton อย่าง My Kitten Fruit Party Series Vinyl Plush Blind Box ที่ได้แรงบันดาลใจจากผลไม้ของไทย มาให้ได้ลุ้นและสะสมอีกด้วยสำหรับ FINDING UNICORN ก่อตั้งเมื่อปี 2018 ในประเทศจีน เป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการค้นหาผลงานที่มีเอกลักษณ์จากทั่วโลก และส่งเสริมให้ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานอันน่าสนใจ เพื่อตอบสนองความสุขและความสนุกของผู้ที่ชื่นชอบในศิลปะและอาร์ตทอย โดยมีคาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ชื่อดังหลากหลาย อาทิ• FARMER BOB• zZoton• RiCO• ShinWoo• molinta• Agan• REPOLAR• Tunyun Island• AAMYสองศิลปินอาร์ตทอย โจ ยังอุน (JO YOUNGWOON) เจ้าของ ‘FARMER’ และ ปาร์ค จองเฮ (PARK JEONGHAE) เจ้าของ ‘RiCO’และสร้างสรรค์คอลเลกชันอาร์ตทอยร่วมกับศิลปินในสังกัดมาแล้วกว่า 100 รูปแบบ จนมีฐานแฟนคลับทั่วโลกมากกว่า 20 ล้านคน นับเป็นหนึ่งในแบรนด์ดังที่มีส่วนขับเคลื่อนเทรนด์ศิลปะของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในระดับโลกอย่างแท้จริงคาแรกเตอร์ delicious bunnyวู๋หยาง (Wu Yang) ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ FINDING UNICORNวู๋หยาง (Wu Yang) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FINDING UNICORN เผยถึงวัตถุประสงค์ในการร่วมกับไอคอนสยามเปิด Pop-up Shop ครั้งนี้ว่า FINDING UNICORN วางแผนที่จะขยายตลาดมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดังนั้นตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ทางแบรนด์ตั้งใจจะรุกจัดกิจกรรมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงได้แลกเปลี่ยนมุมมองความสนใจกับแฟนๆ ชาวไทย และยังเป็นการนำศิลปะวัฒนธรรมไทยไปผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมของจีนเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ นำไปพัฒนาเป็นเทรนด์ระดับโลกในอนาคต และพยายามมองหาโอกาสในการร่วมงานกับศิลปินไทยด้วยคาแรกเตอร์ zZotonคาแรกเตอร์ ShinWooสาวก FARMER BOB และเหล่าคนรัก Art Toy มาร่วมสะสมความน่ารัก ในงาน “FINDING SUMMER LAND HELLO! BANGKOK” Pop-up Shop ครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับเหล่าคาแรกเตอร์คอลเลกชันพิเศษและกล่องสุ่มรุ่นลิมิเต็ดที่ยกขบวนมาให้ลุ้นเป็นเจ้าของกันถึงที่เมืองไทย ตั้งแต่วันนี้ – 29 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 - 22.00 น. ทุกวัน ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยามแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2808793

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“คาราโครัม ไฮเวย์” ทางหลวงลอยฟ้าสวยที่สุดในโลก

21/08/2024

เส้นทางถนนลอยฟ้า บนเทือกเขาสูงกว่า 4,000 เมตร อย่าง “คาราโครัม ไฮเวย์” (Karakoram Highway) นักท่องเที่ยวต่างยกให้เป็นถนนลอยฟ้าที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจีนกับปากีสถาน ซึ่งในเวลานี้ (ปี 2567) คนไทย สามารถไปเที่ยวได้อย่างสะดวก เพราะมาตรการ “วีซ่า” จากทั้งสองประเทศที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางชาวไทย“คาราโครัม ไฮเวย์” หรือ ทางหลวงคาราโครัม เป็นเสมือนเส้นทางมิตรภาพและการค้าระหว่าง จีน-ปากีสถาน มีระยะทาง 1,224 กิโลเมตร เลียบเทือกเขาคาราโครัม จากเมืองคัชการ์ของจีน เข้าสู่เมืองฮาซาน อับดาล (Hasan Abdal) ในแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน ก่อสร้างด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศทางหลวงแผ่นดินที่ทอดยาวสายนี้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัย และเป็นหนึ่งในถนนลาดยางที่สูงที่สุดในโลก ผ่านเทือกเขาคาราโครัมที่ระดับความสูงสูงสุด 4,714 เมตร ซึ่งด้วยเหตุผลของพื้นที่สูงและสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบากในการก่อสร้าง ทำให้ถนนเส้นนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลก”ด้วยความสูง เส้นทางคดเคี้ยวไปในเทือกเขา ถนนสายนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนที่อันตรายที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน แต่กระนั้น ก็เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญ และยังใช้เพื่อการเชื่อมการค้าระหว่างจีนและปากีสถาน รวมถึงเป็นช่องทางไปยังประเทศแถบเอเชียกลางทางหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหล่านักเดินทางสายผจญภัยตั้งเป้าว่าต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิตโดยมีหุบเขา Naltar เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุด ปกคลุมไปด้วยหิมะ ยอดเขาสูงเสียดฟ้า ลานสกีอัลไพน์ ทะเลสาบบนที่สูง ธารน้ำแข็ง และเส้นทางผ่านภูเขา ทะเลสาบ Bishgiri ก็เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สูงที่สุดในปากีสถาน ในขณะที่ Pakora Pass นับว่ามีชื่อเสียงในเรื่องธารน้ำแข็งและทุ่งหญ้า เช่น แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) หรือ “ทุ่งหญ้าแห่งเทพนิยาย” ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน ตามชื่อนักปีนเขาชาวเยอรมันที่เป็นทุ่งหญ้าที่สวยติดอันดับโลกทั้งนี้เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ เหมาะที่สุดสำหรับเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน) หรือต้นฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน)ข้อมูลวีซ่าปากีสถานคนไทยไปเที่ยวปากีสถาน ยังต้องขอวีซ่า แต่ก็สะดวกสบายมากด้วยระบบการขอแบบวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) โดยรัฐบาลปากีสถาน ปรับฟรีค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจาก 126 ประเทศ เป็นระยะเวลา 90 วัน รวมถึงชาวไทย มีผลตั้งแต่วันที่14 ส.ค. 67 เป็นต้นไป รายละเอียด https://visa.nadra.gov.pkแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการ์ออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000076873

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X