Everyday knowledge for you
การทำงาน
20/10/2025
เคยรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในทะเลงานไหม ภาพของผู้จัดการที่หัวหมุนกับการประชุมแบบไม่พัก อีเมลที่ไหลเข้ามาไม่หยุด และลูกทีมที่รอการอนุมัติทุกฝีก้าว คือ ภาพที่เราคุ้นเคยกันดี แต่เครื่องหมายของความขยันก็คือ ความยุ่ง และภาระงานที่เยอะมากมาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาเสียเลยทางกลับกัน ลองจินตนาการถึงผู้นำอีกแบบหนึ่ง พวกเขาประชุมน้อยลง มอบหมายงานอย่างสบายใจ และมีตารางเวลาที่โล่งโปร่ง แต่ทีมกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ คือ ความขี้เกียจ หรือการวางแผนให้ประสบผลสำเร็จ คนเหล่านี้มีความคิดอย่างไรบ้างคำตอบคือ "ศิลปะแห่งความเกียจคร้านโดยเจตนา หรือ Intentional Laziness” ไม่ใช่การไม่ทำงาน แต่คือการเลือกที่จะไม่ทำทุกอย่าง แล้วมุ่งใช้พลังงานไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ นี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้แนวทางสุดยูนีคนี้เวิร์คแบบสุดๆ1. วัดกันที่ "ผลลัพธ์" ไม่ใช่ "ความยุ่ง"ผู้นำสายชิลล์ไม่สนใจว่าตัวเองจะดูยุ่งแค่ไหน แต่แคร์ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ในขณะที่บางคนพยายามพิสูจน์ความทุ่มเทด้วยการอัดตารางประชุมที่แน่นเอี๊ยด หรือส่งอีเมลตอนเที่ยงคืน ผู้นำที่ฉลาดจะถามตัวเองเสมอว่า "อะไรคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนทีมไปสู่ความสำเร็จได้จริงๆ"พวกเขากล้าที่จะปฏิเสธวัฒนธรรม "ทำงานโชว์" (Performance Theater) อย่างการประชุมรายงานสถานะที่ไม่จำเป็น หรืองานเอกสารที่ไม่มีใครอ่าน โดยผลวิจัยจาก Visier ชี้ว่า พนักงานกว่า 83% ใช้เวลาไปกับงานที่ทำให้ดูยุ่ง โดยเกือบครึ่งหนึ่งใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับมัน2. สร้างทีมให้แกร่ง จนคุณ "ไม่จำเป็น"ภาวะผู้นำที่แท้จริงคือการทำให้ตัวเองมีความสำคัญน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น ผู้นำที่เก่งจะไม่ทำตัวเป็นคอขวด แต่จะมอบหมาย "ความเป็นเจ้าของ" ไม่ใช่แค่ "งาน" ซึ่งแตกต่างกัน โดยการมอบหมายงาน คือการสั่งให้คนอื่นทำงานตามที่คุณคิด ส่วนการมอบความเป็นเจ้าของ คือการให้อำนาจและความรับผิดชอบในการตัดสินใจไปพร้อมกันเมื่อคุณให้เวลาฝึกฝนทีมในช่วงแรก แล้วถอยออกมาปล่อยให้พวกเขาได้โชว์ฝีมือ จะพบว่าทีมของคุณทำงานได้เร็วขึ้นและสำเร็จมากขึ้นโดยไม่ต้องรอคุณ3. กล้าที่จะ "ตัด" สิ่งที่ไม่สำคัญทิ้งไปเมื่อคุณตั้งใจจะทำงานให้น้อยลง คุณจะเฉียบคมในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่จำเป็น ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะถามตัวเองเสมอว่า "ถ้าเราเลิกทำสิ่งนี้...จะมีอะไรพังไหม?" ปัจจุบันลองมองและสังเกตรอบตัว อาจจะมีอะไรมากมายที่สามารถตัดออกไปได้ เช่น รายงานประจำสัปดาห์ที่ไม่มีใครเคยเปิดอ่าน ขั้นตอนการอนุมัติที่ซ้ำซ้อนและเสียเวลา หรือโปรเจกต์ที่กินทรัพยากรแต่ไม่สร้างคุณค่าแนวคิด Disagree and Commit ของ Jeff Bezos ที่ Amazon คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ความเร็วในการลงมือทำ สำคัญกว่าการรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ 100%4. จอง "เวลาว่าง" ให้สมองได้สร้างสรรค์ไอเดียที่ดีที่สุดมักจะผุดขึ้นมาในช่วงเวลาที่เราไม่ได้ "ทำงาน" ผู้นำที่ฉลาดจะปกป้องช่วงเวลาว่างในปฏิทินของพวกเขาอย่างเข้มงวด เพื่อให้มีเวลาสำหรับคิดกลยุทธ์ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนJeff Weiner อดีตซีอีโอของ LinkedIn มีชื่อเสียงจากการบล็อก "เวลาว่าง" (Doing Nothing) ในตารางงานของเขา ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีประชุม ไม่มีโทรศัพท์ เขาให้เครดิตว่าช่วงเวลานี้คือที่มาของการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่ดีที่สุดหลายๆ ครั้ง5. เชื่อใจทีม แล้วปล่อยให้พวกเขาเฉิดฉายการบริหารแบบจุกจิก คือตัวทำลายความเชื่อมั่นที่ร้ายกาจที่สุด เมื่อคุณเข้าไปก้าวก่ายทุกการตัดสินใจ มันคือการส่งสัญญาณว่า "ฉันไม่เชื่อใจเธอ" และในไม่ช้า ทีมของคุณก็จะหยุดคิดริเริ่มแล้วรอคำสั่งจากคุณเพียงอย่างเดียวผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จัดหาเครื่องมือที่จำเป็น แล้ว "หลีกทางให้" นี่ไม่ใช่การสละอำนาจ แต่คือการเสริมพลัง งานวิจัยจาก Deloitte พบว่าพนักงานที่รู้สึกได้รับความไว้วางใจ จะมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นถึง 260%!ในโลกที่ยกย่องความ "ยุ่ง" การรู้จักยับยั้งชั่งใจอย่างมีกลยุทธ์คือข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุด ในขณะที่คนอื่นหมดแรงไปกับการพยายามทำทุกอย่าง ผู้นำที่ฉลาดจะเก็บพลังงานไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆดังนั้น ครั้งหน้าที่ใครมองว่าความนิ่งของคุณคือความขี้เกียจ อาจเป็นคำตอบว่าคุณกำลังมาถูกทาง เพราะกุญแจสำคัญของการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า อาจเริ่มต้นจากการ "ทำให้น้อยลง" อย่างชาญฉลาดข้อมูล : forbesแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2889617
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
20/10/2025
‘อลงกรณ์ หล่อวัฒนา’ ศิลปินอิสระฉลอง 60 ปี 60 รูป ใน 'นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า ข้างหน้า' ที่ หอศิลป์เจ้าฟ้า 3-29 ตุลาคม 2568เป็นศิลปินอิสระไม่มีวันเกษียณอายุ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา จัดแสดง ผลงานจิตรกรรม ที่สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาสะท้อนภาพความเป็นไปของสังคมและชีวิตศิลปินที่ยังคงทำงานศิลปะเป็นกิจวัตร ใน นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าครบรอบวันเกิดปีที่ 60 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อลงศิลปินเจ้าของผลงานแนวจิตวิญญาณเชิงสัญลักษณ์ บอกกับเราว่า 'เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วนะ' เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เกี๊ยว - อลงกรณ์ เล่าต่อว่าก่อนถึงวันเกิดไม่นานมีอาการป่วยเป็นไข้สูงจนหนาวสั่น เนื่องจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะทำให้ภรรยาต้องรีบส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนประสบการณ์ในห้องฉุกเฉิน และห้องผู้ป่วยวิกฤต ทำให้เขาบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พบกับความจริงของชีวิตจนเมื่อวันที่ได้กลับมาเป็นปกติ จึงได้บอกว่าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันที่มีอายุครบ 60 ปี พร้อมกับการจัดแสดงผลงานศิลปะชุดล่าสุดที่นำเสนอสัจธรรมของชีวิตที่ว่า ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีส่วนหนึ่งของผลงานทั้งหมด 60 ชิ้นในนิทรรศการ“สำหรับคนส่วนใหญ่อายุ 60 ถือเป็นวัยเกษียณแล้ว แต่เราเป็น ศิลปินอิสระ การทำงานสร้างสรรค์จึงไม่มีวันปลดเกษียณ ผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้มีด้วยกัน 60 ชิ้น เล่าเรื่องของสังคมที่เราได้พบเห็นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เราอยากจะบอก คือ เรื่องของปัจจุบันขณะ คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย แต่เรายังไม่ตาย จึงตั้งคำถามว่าถ้าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ก่อนตายเราได้ทำสิ่งดี ๆทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้บ้างหรือเปล่า”เรื่องราวของสังคมและครอบครัวที่ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะศิลปิน กล่าวถึง ผลงานจิตรกรรม ที่จัดแสดงเรียงกันเป็นแนวที่ชวนให้คิดถึงจิตรกรรมฝาผนังว่าเป็นภาพเขียนที่ขึ้นรูปด้วย สีอะคริลิก แล้วถม สีน้ำมัน ลงไป ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาสร้างพื้นผิวที่มีลักษณะคล้ายกับใบไม้แห้งที่ถูกแมลงกัดกิน“ส่วนเนื้อหาหลักของภาพจะเล่าถึงเรื่องราวชีวิตประจำวันในครอบครัวของเรา มีภาพของภรรยาและน้องหมาที่เลี้ยงไว้เพราะเราไม่มีลูกสรุปเรื่องราวข่าวสารในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เช่นเรื่องของ LGBTQ สมรสเท่าเทียม ปัญหาครอบครัว ผู้ชายเจ้าชู้ ทำให้ผู้หญิงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น ผ่านการนำเสนออย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ ที่เปิดให้ผู้ชมตีความได้ตามมุมมองของแต่ละคน”ศิลปิน ขยายความต่อว่า “เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านยุคสมัย ไม่ว่าในสังคมจะเป็นอย่างไร ตัวเราต้องมีหมุดหมายในใจ มีเจตนาที่ดีต่อตัวเราเอง ไม่ต้องไปแคร์สังคมว่าเขาคิดยังไง แต่จงแคร์ตัวเองว่าเราดีพอแล้วหรือยังยกตัวอย่างเรื่องที่เราทำจิตอาสา (กลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับวัดต่าง ๆโดยไม่คิดมูลค่า) ไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน ไม่ต้องมีใครมามอบรางวัลให้ เพราะเราได้รับความสุขนั้นแล้วทันทีที่เราลงมือทำ นั่นคือ ใจความที่เราอยากจะสื่อสารออกไป”Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า เป็นนิทรรศการที่ชวนให้ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในหนึ่งปีที่ผ่านไป ในขณะเดียวกันก็ชวนให้มองไปถึงวันข้างหน้า ผ่านความจริงอันเรียบง่าย ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีเกี่ยวกับศิลปิน : อลงกรณ์ หล่อวัฒนาจบชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน แล้วไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเจ็ดยอดระหว่างเรียนอยู่ส่งผลงานศิลปะเข้าประกวดจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ 9 (พ.ศ.2528) ได้รับรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรมไทยประเพณีจากนั้นเข้ากรุงเทพฯมาศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตามด้วย Post-Diploma (จิตรกรรม) กาลาบาวันนา วิศวบราราตรี สันตินิเกตัน ประเทศอินเดียนิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าเปิดให้เข้าชม 3-29 ตุลาคม 2568 วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น.ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (หอศิลป์เจ้าฟ้า)ติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินได้ทาง https://www.facebook.com/xlngkrn.hlx.wat.hnaแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1203657
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
20/10/2025
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ก่อตั้งขึ้นโดย National Park Service ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 (พ.ศ.2415) และองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1978Photo: Karla Ann Cote/NurPhoto via Getty Imagesเยลโลว์สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีเนื้อที่มากกว่า 5.6 ล้านไร่ ครอบคลุมอาณาเขต 3 รัฐ ได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิงPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesโดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1872 เยลโลว์สโตน ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ทั้งความร้อนใต้พิภพและธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์Photo: Jonathan Newton/Getty Imagesชื่นชมสัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหมีกริซลี หมาป่า กระทิง ควายไบซัน และกวางเอลก์เส้นทางสำรวจพื้นที่พลังความร้อนใต้พิภพซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อน (geyser) ที่ยังคงพ่นน้ำปะทุอยู่ และเพลิดเพลินไปกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีอย่าง แกรนด์แคนยอนแห่งแม่น้ำเยลโลว์สโตน ที่ยิ่งใหญ่Photo: Johnathan Walkerหนึ่งในธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของอุทยานฯแห่งนี้ คือ ปรากฏการณ์ไฮโดรเทอร์มอล (Hydrothermal) หรือ ปรากฏการณ์ความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำใต้ดินถูกความร้อนจากหินหนืด (แมกมา) ใต้พื้นโลกจนเกิดเป็นน้ำพุร้อน ไกเซอร์ บ่อโคลนเดือด และปล่องไอน้ำ เกิดจากระบบน้ำใต้ดินที่ซับซ้อนซึ่งได้รับความร้อนจากแผ่นดินไหวและความร้อนใต้ผิวโลกPhoto: Porphura HwangPhoto: Titus Pettmanซึ่งกว่า 50% ของปรากฏการณ์นี้ทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ที่นี่ สร้างทิวทัศน์ราวกับพื้นดินที่กำลังลุกไหม้ และในบรรดาไกเซอร์นับร้อยแห่ง ไกเซอร์ “Old Faithful” ก็ถือเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ผู้คนรู้จักมากที่สุดของสหรัฐอเมริกาPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesในฐานะมรดกโลกทางธรรมชาติ องค์การยูเนสโก ระบุว่า “อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน” เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่สะท้อนปรากฏการณ์และกระบวนการทางธรณีวิทยาอันสำคัญ อีกทั้งยังเป็นภาพสะท้อนอันโดดเด่นของพลังงานความร้อนใต้พิภพ ความงดงามทางธรรมชาติ และระบบนิเวศป่าที่หายาก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิดถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ยังคงสมบูรณ์หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของเขตอบอุ่นตอนเหนือบนโลก และเป็นความยิ่งใหญ่ของกระบวนการทางธรรมชาติในระดับระบบนิเวศป่าอย่างแท้จริงPhoto: Zac Bowingค่าธรรมเนียมชมอุทยานฯ ตั๋วมาตรฐาน เริ่มต้นที่ 20$ - 35$ (ประมาณ 634 - 1,100 บาท)Photo: Ming Chenแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000088856
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
20/10/2025
เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรีแก่เยาวชนและครูพี่เลี้ยงที่เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 5 จำนวน 470 กรมธรรม์ ประกอบด้วยเยาวชน 440 คน และครูพี่เลี้ยง 30 คน โดยโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเยาวชนที่ด้อยโอกาส และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา) มาร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม รวมทั้งการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 9 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 320 คน และพื้นที่จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน จำนวน 120 คนซึ่งกรมธรรม์ที่สนับสนุนมีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน โดยให้วงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ในการส่งเสริมความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยในพื้นที่เปราะบาง พร้อมร่วมสร้างสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและยอมรับในความหลากหลาย อีกทั้งยังตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) ของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว จัดขึ้น ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี เมื่อเร็ว ๆ นี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
17/10/2025
• 'เนเธอร์แลนด์' ครองอันดับ 1 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในโลกประจำปี 2025 ตามการจัดอันดับของ Mercer • 'ประเทศไทย' ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 41 จาก 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยอยู่ในกลุ่ม C หรือกลุ่มรองจากท้ายตาราง • แม้คะแนนรวมของไทยจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และมีคะแนนด้านความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณลดลง • เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ระบบบำนาญของไทยยังคงตามหลังสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซียบริษัทที่ปรึกษา Mercer เปิดเผยรายงานดัชนีบำนาญโลก “Mercer CFA Institute Global Pension Index 2025” พบว่าปีนี้ “เนเธอร์แลนด์” ยังคงครองอันดับ 1 ได้เช่นเดิม ด้าน “สิงคโปร์” ก้าวเข้าสู่กลุ่มชั้นแนวหน้าของดัชนีบำนาญโลกได้เป็นครั้งแรก โดยขึ้นสู่อันดับที่ 4 จากการเสริมความแข็งแกร่งของระบบอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี และรัฐบาลเพิ่มความโปร่งใสให้ประชาชนเข้าใจได้มากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณขณะที่ระบบบำนาญของ “มาเลเซีย” อยู่ในอันดับที่ 3 ของเอเชียแปซิฟิก โดยมีคะแนน 60.6 คะแนน เพิ่มขึ้นจาก 56.3 เมื่อปีที่แล้ว ขยับขึ้นมาอยู่ในเกรดC+ จากเดิมที่เกรด Cรายงานฉบับนี้ประเมินระบบบำนาญของ 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยใช้เกณฑ์ 3 ด้าน คือ1. ความเพียงพอ (Adequacy) ของรายได้/เงินบำนาญหลังเกษียณ2. ความยั่งยืน (Sustainability) ของระบบบำนาญ3. ความมีธรรมาภิบาลของระบบ” (Integrity)เมื่อปี 2009 “สิงคโปร์” เคยได้เพียงเกรด C ในดัชนีนี้ แต่ภายในเวลาเพียงสิบกว่าปี คะแนนของสิงคโปร์ได้พุ่งขึ้นเป็น B+ ในปีที่แล้ว และในปี 2025 ก็ทะยานขึ้นถึงระดับ Aทิม เจนกินส์ หุ้นส่วนจากบริษัทเมอร์เซอร์ในซิดนีย์และหัวหน้าทีมจัดทำรายงาน กล่าวว่า สิงคโปร์เสริมความแข็งแกร่งของระบบบำนาญอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้แรงก์กิ้งของประเทศดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงหลังรัฐบาลให้ความสำคัญมากขึ้นกับการเพิ่มความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณระบบบำนาญของสิงคโปร์ตั้งอยู่บนโครงสร้างของ Central Provident Fund (CPF) ซึ่งครอบคลุมแรงงานชาวสิงคโปร์และผู้พำนักถาวรทุกคน โดยเป็นระบบที่บังคับให้ลูกจ้างและนายจ้างสมทบเงินเข้ากองทุนร่วมกัน“สิงคโปร์ไต่ขึ้นมาจากเกรด C จนถึงเกรด A ได้เต็มตัว” เจนกินส์กล่าว “เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ก็มีส่วนช่วยด้วย เพราะดัชนีในด้านความยั่งยืนจะคำนึงถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย” • ‘ไทย’ รั้งช่วงท้ายแม้มีคะแนนดีขึ้นสำหรับ “ประเทศไทย” อยู่ในอันดับกลุ่มประเทศ C หรือกลุ่มรองจากท้ายสุด (กลุ่ม D) โดยอยู่ร่วมกับอีกหลายประเทศอาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนามแต่หากวัดในแง่คะแนนรวมนั้น ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 41 จากทั้งหมด 52 อันดับ โดยอยู่ในอันดับที่ 11 จากท้ายตารางในปีนี้ระบบบำนาญของประเทศไทยได้คะแนนดีขึ้นเป็น 50.6 จากเดิม 50.0 ในปีที่แล้ว ทว่าก็ยังคง “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก” ที่ 64.5 คะแนน โดยในการประเมินเกณฑ์ชี้วัด 3 ด้านนั้น ประเทศไทยทำคะแนนดีขึ้นมากที่สุดในแง่ความโปร่งใสธรรมาภิบาล รองลงมาคือเรื่องความยั่งยืนของระบบ แต่เรื่องความเพียงพอของรายได้หรือเงินบำนาญหลังเกษียณมีคะแนนลดลงเมื่อเทียบกับประเทศใน “อาเซียน” สิงคโปร์ครองอันดับสูงสุดของภูมิภาคด้วยคะแนน 80.8 (เกรด A) ขณะที่มาเลเซียได้ 60.6 (เกรด C+) เวียดนาม 53.7, อินโดนีเซีย 51.0, ไทย 50.6 (เกรด C) และฟิลิปปินส์ 47.1 (เกรด D) ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งในด้าน “ความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณ” แม้มีความก้าวหน้าในด้านธรรมาภิบาลของระบบมากขึ้นก็ตามรายงานส่วนที่วิเคราะห์เฉพาะประเทศไทยระบุว่า ระบบรายได้หลังเกษียณของประเทศไทย ประกอบไปด้วย 1.เงินบำนาญชราภาพ, 2. กองทุนประกันสังคมสำหรับลูกจ้างภาคเอกชน, 3. แผนบำนาญแบบกำหนดเงินสมทบโดยสมัครใจที่นายจ้างจัดตั้งให้ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ 4. ผลิตภัณฑ์เงินออมส่วนบุคคลรายงานยังแนะนำอีกว่า ค่าดัชนีโดยรวมของระบบบำนาญไทย อาจเพิ่มขึ้นได้หากมีการดำเนินการดังต่อไปนี้ ได้แก่ • เพิ่มการคุ้มครองลูกจ้างในระบบบำนาญภาคอาชีพให้ครอบคลุมขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับเงินสมทบและสินทรัพย์ • เพิ่มระดับการสนับสนุนขั้นต่ำสำหรับผู้สูงอายุที่ยากจนที่สุด • ลดระดับหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับสัดส่วนจีดีพี • ยกระดับข้อกำหนดการกำกับดูแลระบบบำนาญภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง • รัฐล้วงเงินกองทุนไปหนุนนโยบายผู้จัดทำรายงานยังเตือนด้วยว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศเริ่มพยายามนำเงินลงทุนของกองทุนบำนาญไปสนับสนุนนโยบายภายในประเทศมากขึ้น“กฎระเบียบและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่เรื่องภาษีไปจนถึงข้อบังคับด้านการลงทุน ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่กองทุนบำนาญจัดสรรเงินลงทุนของตน” มาร์กาเร็ต แฟรงคลิน ประธานและซีอีโอของสถาบัน CFA Institute กล่าว“ในบางประเทศ รัฐบาลกำลังหันมาใช้กองทุนบำนาญเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ระดับชาติ แต่ในมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เราจำเป็นต้องระมัดระวังผลกระทบที่ไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อข้อบังคับหรือข้อจำกัดเหล่านี้บิดเบือนระบบโดยรวม”ด้านคริสติน มาโฮนีย์ ผู้บริหารด้านบำนาญแบบกำหนดสิทธิประโยชน์/กำหนดเงินสมทบของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า เมื่อผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลง รัฐบาลต่างๆ กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ปรับเปลี่ยนระบบบำนาญ“อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปบำนาญไม่ใช่เรื่องง่าย การประเมินผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนายจ้าง รัฐบาล และผู้ให้บริการบำนาญควรมีส่วนร่วมในการกำหนดระบบบำนาญที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/world/1203326
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
17/10/2025
15 ตุลาคม 2568 : ปัจจุบัน สำนักงาน คปภ. พบกรณี นิติบุคคลต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยตามพระราชบัญญัติประกันชีวิตและพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอ้างการสร้างแอปพลิเคชันหลอกลวงว่าเป็นบริษัทประกันภัยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกให้ประชาชน เข้าทำสัญญาประกันภัย ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเสียหายสำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. นำโดย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และนายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี จึงเดินหน้าปราบปรามภัยไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ โดยเข้าร่วม ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple และ Google รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO) และธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)ในการประชุมดังกล่าว นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ เน้นย้ำว่าธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยสำนักงาน คปภ. และผู้ที่จะประกอบธุรกิจประกันภัยจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อรับประกันภัยได้ สำหรับตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยก็จะต้องได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยจากนายทะเบียน จึงจะสามารถเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ประชาชนได้ จึงได้มีการหารือถึงแนวทางการใช้เทคโนโลยีของ Apple Store และ Google Play Store เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงที่เกิดขึ้นโดยสำนักงาน คปภ. จะร่วมมือกับทั้ง 2 บริษัท ในการตรวจสอบและลบแอปพลิเคชันของ บริษัทประกันภัยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงดังกล่าว เนื่องจากแอปพลิเคชันเถื่อนหรือบริษัทประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเหล่านี้ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. หากเกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือจ่ายเงินไม่ครบตามกรมธรรม์หรือบริษัทเลิก ประกอบธุรกิจ และเคลมไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับเบี้ยประกันภัยไปแล้ว โดยบริษัทต่างชาติเหล่านี้ไม่มีทรัพย์สินในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถบังคับคดีตามคำพิพากษาได้อีกด้วย จึงยากที่จะหาตัวผู้รับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมายได้สำนักงาน คปภ. ขอเตือนประชาชนว่าก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ให้ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทประกันภัย ตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือ นายหน้าประกันภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ ของสำนักงาน คปภ. ทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) บัญชีทางการชื่อ “คปภ. รอบรู้” และสายด่วน คปภ. 1186แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=192161
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
17/10/2025
“พัทยา” จังหวัดชลบุรี นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีหาดทรายชายทะเลสวยงามโด่งดังในระดับโลก และเมืองแห่งสถานบันเทิงแสงสียามราตรีที่ยากจะหลับใหลแล้ว พัทยายังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวประเภทแมนเมดอีกเป็นจำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือ “PADO MEDIA ART SPACE” หรือที่ใครหลาย ๆ คนเรียกสั้น ๆ ว่า “PADO” แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวให้เข้าชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาสีสันลีลาวดี ห้อง HarmonyPADO MEDIA ART SPACE ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสาย 3 (ใกล้ ๆ กับ เวิลด์เฮาสต์ พัทยา) โซนพัทยากลาง ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีที่นี่เป็นศูนย์จัดแสดงงานศิลปะสื่อผสมแบบ Immersive Art Interactive ผ่านนิทรรศการสื่อเสมือนจริงและสื่อโต้ตอบแห่งแรกของพัทยา ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากเกาหลี บนเนื้อที่จัดแสดงกว่า 4,300 ตารางเมตรPADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง คลื่น (ห้อง PADO)ชื่อ PADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง “คลื่น” เปรียบดังคลื่นลูกใหม่จากมหาสมุทรที่พัดเข้าสู่แผ่นดิน ถือเป็นการส่งต่อเทคโนโลยีศิลปะสื่อผสมจากเกาหลีสู่เมืองพัทยา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของเมืองไทยภายใน PADO มีทั้งหมด 12 ห้อง (Hall) แบ่งส่วนจัดแสดงเป็น 14 ธีมหลัก ครอบคลุมทั้งภาพ เสียง สีแสง กลิ่น สื่อผสม และแสงเคลื่อนไหว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาลอวกาศ ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย รวมถึงจินตนาการอันชวนทึ่งสีสันดอกราชพฤกษ์ ห้อง Harmonyผู้ที่มาเที่ยวชมใน PADO สามารถถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่มีการจำกัดเวลาการถ่ายรูปในห้องต่าง ๆ พวกสายคอนเท้นต์หากมีเวลาจะอยู่ถ่ายรูปกันหลายชั่วโมงหรือทั้งวันก็สามารถทำได้ แต่ทางศูนย์มีข้อห้ามสำหรับการถ่ายรูปคือ ห้ามใช้แฟลช รวมถึงห้ามใช้ขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นส่วนการเดินชมต้องระวังผนังกระจกที่เป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการจัดแสดง ที่มีอยู่เกือบทั่วทุกห้องชมให้ดี อย่ามัวแต่ชมแสงสีกันเพลินจนเดินไปชมกระจกเด็ดขาดห้อง Universeสำหรับการจัดแสดงทั้ง 14 ธีมใน PADO MEDIA ART SPACE นั้นมีอะไรบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้เริ่มจาก Universe : สื่อถึงการกำเนิดชีวิตและเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ผ่านจักรวาลด้วยลำแสงสีขาวจำนวนมาก ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด ร่วมด้วยลำแสงสีฟ้าและแสงสีเคลื่อนไหวส่องเป็นจังหวะบนพื้นที่เราก้าวเดินห้อง Harmonyจากนั้นต่อกันด้วย Harmony และ Secret : 2 ห้องที่ให้อารมณ์เชื่อมต่อกันของธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจนำโดยสวนดอกไม้ดิจิทัล แห่งความงดงามและกลิ่นหอม กับมนต์เสน่ห์ของ 2 ดอกไม้งามคู่เมืองไทยคือ “ราชพฤกษ์” หรือ “ดอกคูน” และ “ลีลาวดี” หรือ “ลั่นทม” กับแสงสี บรรยากาศ ขนาดและลีลาที่แปรเปลี่ยนไป ดูสายงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งห้อง Harmonyนอกจากนี้ก็ยังมีบรรยากาศของป่าใต้หมอกแห่งไฟและผีเสื้อแห่งนิทานที่ดูแฝงความลึกลับในห้อง Secretถัดมาเป็นห้องที่ 4 คือ PADO หรือ Wave : อีกหนึ่งห้องไฮไลต์ของที่นี่ จัดแสดงเรื่องราวของ PADO หรือ “คลื่น” ในช่วงเวลาและฤดูกาลต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปชวนให้อารมณ์ของเราเปลี่ยนแปรตาม ไม่ว่าจะเป็น ยามเช้า ค่ำคืน ฝนตก ฟ้าร้องฟ้าผ่า หรือยามราตรีที่แสงเหนือสาดส่องอย่างสวยงามห้อง PADOห้องนี้เราสามารถไปยืนบนพื้นใกล้ผนังที่แสดงแสงสีศิลปะของคลื่นซัดสาด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นที่กำลังสาดซัดเข้าหาฝั่ง ดุจดังเรากำลังเดินอยู่บนคลื่นและหาดทรายแบบเสมือนจริงได้อย่างน่าตื่นเต้นห้อง PADOนอกจากนี้ห้อง PADO ยังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ ของคลื่นในหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น สงบ สดใส เกี้ยวกราด ดุดัน ซึ่งทางศูนย์ต้องการสื่อให้เราสัมผัสกับอารมณ์ของคลื่นและอารมณ์ของธรรมชาติ อันนำไปสู่การหลอมรวมความเงียบสงบของจิตใจตนโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ ห้อง Time Spaceต่อกันด้วยห้องที่ 5 Time Space : พาไปสัมผัสกับโลกแฟนตาซีเหนือจินตนาการใน 3 บรรยากาศ ได้แก่โลกใต้ทะเลลึก เป็นดังเมืองใต้สมุทร ที่มีฝูงปลา และสัตว์ทะเลน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปะการัง และรอบตัวเราโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ สายฟ้าฟาดกระหน่ำ โดยมี “นกฟีนิกซ์” ในตำนานบินโฉบเฉี่ยวไปมา ช่วงนี้ชวนให้นึกถึงโลกที่กำลังถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญไม่น้อยเลยล่ะค่ะและโลกยุคน้ำแข็งที่ให้อารมณ์หนาวยะเยือก มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่าน มีฝูงปลาและสัตว์ทะเลแหวกว่ายห้อง Highlightจากนั้นเป็นห้อง Highlight : กับโชว์แสงเลเซอร์เริงระบำหลากดีไซน์หลายรูปแบบ ที่ต้องการสื่อว่าในความมืดมิด แสงไม่เพียงส่องนำทางเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนเราให้เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้อีกด้วยห้อง Auroraต่อมาเป็นห้อง Aurora : จำลองบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดูมีแสงออโรร่าฉาบทอ ท่ามกลางหมู่ดาวดารดาษ รวมถึงมีวาฬตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่บนฟากฟ้าห้อง Wishถัดมาเป็นห้อง Wish : ที่เต็มไปด้วยโคมลอยที่เปลี่ยนสีสันไปตามจังหวะแสงที่ย้อม ซึ่งสื่อถึงความฝันและความหวัง ถือเป็นห้องแห่งสีสันคัลเลอร์ฟูลที่ถ่ายรูปได้สนุกมากต่อด้วย Aqua : ที่จำลองสายน้ำตก และการไหลของสายน้ำในหลากหลายรูปแบบ มิติ ลีลา อารมณ์ มาให้ชมกันธีม Playground ห้องสุดท้ายแล้วก็มาถึงห้องสุดท้าย ห้องที่ 12 ที่รวม 3 ธีมเข้าไว้ในห้องเดียวกัน ได้แก่ Playground, Travel และ InsightPlayground : เป็นพื้นที่ที่ให้เราวาดสิ่งที่จินตนาการลงไป แล้วภาพจะไปปรากฏบนผนังจักรวาลจำลองที่ด้านข้างธีม Travel ห้องสุดท้ายTravel: นำเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ประเพณี วัฒนธรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรม งานโคมลอยยี่เป็ง พระปรางค์วัดอรุณ และพระพุทธรูปองค์โตส่วน Insight: จุดปิดท้ายเป็นวงกลมแห่งแสง มีบันไดให้เราเดินขึ้นไปถ่ายรูปคู่ด้วย ตามแนวคิด พื้นที่แห่งการตระหนักรู้ตนเองในสีสันหลากหลายและคลื่นแสงและนี่ก็คือเสน่ห์สีสันของ PADO MEDIA ART SPACE แห่งเมืองพัทยา จังหสัดชลบุรี ที่เป็นสถานที่ที่จัดเต็มประสบการณ์แห่งแสง สี เสียง และศิลป์ อันน่าตื่นตาตื่นใจมาให้ผู้สนได้ชมกันธีม Insight ห้องสุดท้ายPADO MEDIA ART SPACE เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา : 10.00-21.00 น. เปิดขายตั๋วรอบสุดท้าย 20:00 น. สอบถาม รายละเอียดการเข้าชมได้ที่ โทร. 095 120 9955 หรือดูที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ PADO MEDIA ART SPACEแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000089036
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
17/10/2025
กิ่งก้านที่แผ่กว้างไปรอบๆ มอบความรู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามอยู่ประดิษฐานอยู่ใต้ร่มเงา ก็ดูเข้มขลังชวนให้นึกจินตนาการไปถึงภาพพระศาสดาแห่งพุทธศาสนาเมื่อครั้งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิต้นไม้ที่ว่านี้ คือ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ต้นโพธิ์ที่นับได้ว่าเป็นต้นที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย“ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ต้นนี้ อยู่ในเขต “วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นโดยรอบประมาณ 20 เมตร และมีความสูงประมาณ 30 เมตรเรื่องเล่าตำนานศรีมหาโพธิตามคติพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เชื่อว่า ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียนั้นตายไปแล้ว แต่หน่อเนื้อเชื้อไขของต้นโพธิ์ตรัสรู้ยังอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งอัญเชิญมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานที่มาของต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ยังมีการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า “ในอดีตเมื่อครั้ง พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ในสมัยขอมเรืองอำนาจทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้จากเจ้าผู้ครองนครปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย เพื่อนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ”นอกจากนี้ ความเชื่อเรื่องการอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิในประเทศไทยก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ จะต้องอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ไม่ได้อัญเชิญมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ปกครองอินเดียจึงได้มีการอัญเชิญพระศรีมหาโพธิจากพุทธคยาไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิจากอินเดียมาปลูกที่พระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชังในประเทศไทยมีต้นพระศรีมหาโพธิที่มีหน่อเนื้อเชื้อไขจากต้นโพธิตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมาย ทั้งที่นำมาจากศรีลังกาและอินเดีย โดยเชื่อว่าต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพระศรีมหาโพธิที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อัญเชิญมาจากลังกาทวีปในสมัยวัฒนธรรมทวารวดีเมื่อประมาณ 1,000 กว่าปีมาแล้วส่วนการเรียกชื่อต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมโหสถว่า “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” เป็นการแสดงให้เห็นว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขต้นโพธิตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าต้นโพธิ์ ต้นไม้แห่งปัญญาต้นโพธิ์ ถือเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวพุทธมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลมากกว่า 2,000 ปี คำว่า “โพธิ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้นๆ และได้ตรัสรู้ต้นโพธิ์จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย ได้รับการกราบไหว้บูชาเคารพเรื่อยมาอย่างไรก็ตาม มีความเชื่อด้วยว่า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เหมาะสมที่จะปลูกในบริเวณที่พักอาศัย เพราะหากเจ้าของดูแลได้ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมแล้วก็อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่ดีตามมาแก่คนในครอบครัว แต่อาจเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบรากของต้นโพธิ์สามารถชอนไชไปได้ไกลเพื่อที่จะหาอาหารถ้าปลูกใกล้พื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยจะทำให้โครงสร้างบ้านหรืออาคารที่อยู่ใกล้เคียงนั้นเกิดความเสียหายได้ลักษณะทั่วไปของต้นโพธิ์ คือ เป็นไม้ต้นใหญ่ สูง 20-30 เมตร ผลัดใบระยะสั้น เรือนยอดแผ่กว้าง ลำต้นใหญ่สั้นและเป็นพูพอน กิ่งก้านแผ่ขยาย มีรากอากาศไม่มากเปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กว้างหรือสามเหลี่ยม ปลายใบยาวแหลม โคนใบรูปหัวใจ ดอกเป็นสีเขียวอ่อนออกรวมเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่งมีดอกตลอดปี ผลสดแบบมะเดื่อ ทรงกลมสีม่วงดำ ออกผลตลอดปีต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ มองจากซุ้มประตูวัดฝั่งตรงข้ามหนึ่งในรุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมีสำหรับ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ปราจีนบุรี นับเป็นต้นไม้ 1 ใน 65 ต้น ที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือทรงคุณค่า “รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ผู้เปรียบดัง "ร่มโพธิ์ไทร" ของประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2560วิหารพระคันธารราช วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิปัจจุบัน ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยด้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานจากกรมศิลปากร พร้อมทั้งปรากฏอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000096551
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
15/10/2025
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FSAT, FRMนักลงทุนที่ดี หมายถึง ผู้ที่สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ดีได้โดยการแสวงหาการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถเสริมสร้างรายได้ให้งอกงามอย่างยั่งยืน (Sustainable) ในโลกปัจจุบันนี้จึงมีการพัฒนาตลาดการเงินขึ้นมาในรูปแบบใหม่ เพื่อให้นักลงทุนที่ไม่มีกำลังเงินที่เพียงพอในการลงทุนในธุรกิจของตัวเอง ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการโดยทางอ้อมถ้าจะกล่าวอย่างง่าย ๆ คือ ตลาดการเงินทำตัวเป็นตัวเชื่อมให้คนที่มีเงินออม ได้เอาเงินไปลงทุน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการจ้างให้คนมาทำงานแทนเรา เวลาจะลงทุนก็ควรดูที่พื้นฐาน ไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงในตลาดเพียงอย่างเดียวนักลงทุนอีกแบบนี้เองที่เราเรียกว่า นักลงทุนที่เป็นเจ้าของกิจการทางอ้อม โดยการเอาเงินไปลงทุนในตลาดการเงิน“นักลงทุนในตลาดการเงิน” การเป็นนักลงทุนในตลาดการเงินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยหลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายแล้ว ควรเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์ที่จะงอกเงยเพื่อเป็นรายได้ต่อไปเรื่อย ๆเครื่องมือทางการเงินในตลาดที่แนะนำให้ใช้กันอยู่บ่อย ๆ ทั่วไป คือ1. ลงทุนในหุ้นราคาถูก : โดยคาดหวังว่าจะได้กำไรก้อนงามจากผลต่างราคาที่สูงขึ้นไป (ภาษานักการเงินจะเรียกว่า Capital Gain) ซึ่งผลกำไรนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ลงทุนในการศึกษาข้อมูลหุ้น หรือข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (Initial Public Offering) ก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างที่ฮ่องกง คนจะเอาเงินไปลงหุ้นของบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (IPO) อยู่บ่อย ๆ แต่ละครั้งนั้นมีแต่คนแห่ซื้อ แล้วถ้าได้มาก็เหมือนกับถูกเลขท้ายสองตัว เพราะโอกาสที่จะได้นั้นเป็นหนึ่งต่อแปด2. ลงทุนในกองทุนรวม : กองทุนรวม จริง ๆ แล้วคือการระดมเงินทุนเข้ามากองไว้เพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการ โดยจะมีมืออาชีพบริหารตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นักลงทุนจึงไม่ต้องเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์เองโดยตรง แต่คาดหวังกำไรจากราคากองทุนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งจะมีสำนักงาน ก.ล.ต. คอยกำหนดกฎเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนเข้าถึง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากการลงทุน3. ซื้อหุ้นของบริษัทที่โตเต็มที่แล้ว (Blue Chip) : หุ้นของบริษัทประเภทนี้จะให้เงินปันผลที่เป็นผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ โดยคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากราคาตอนที่ซื้อเอาไว้มาเป็นของแถม แต่ก็แน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัว เนื่องจากการซื้อหุ้นคือการร่วมหัวจมท้ายกับบริษัท ซึ่งทำให้นักลงทุนเสมือนกับเป็นเจ้าของกิจการ ข้อเสียของการลงทุนหุ้นประเภทนี้ก็คือการเสียภาษีส่วนบุคคลในเงินปันผลที่รับมา เพราะเงินปันผลถือเป็นรายได้และต้องนำไปรวมภาษีส่วนบุคคล ขณะที่ผลต่างของราคาหุ้นไม่ต้องเสียภาษี4. ซื้อเงินตราต่างประเทศเมื่อคาดว่าเงินท้องถิ่นจะมีมูลค่าลดลง : นักลงทุนจะคาดหวังว่าดอกเบี้ยและมูลค่าเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้โดยเฉพาะกับคนที่ได้รายได้จากต่างประเทศ เช่น มีสมัยหนึ่งที่เงินหนึ่งเหรียญฮ่องกงสามารถแลกได้ 5.5 บาท แต่มาถึงช่วงหนึ่งตกลงมาเหลือแค่ประมาณ 4 บาทต่อหนึ่งเหรียญฮ่องกงเท่านั้น การเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นเงินนิวซีแลนด์ในสมัยนั้นเป็นการตัดสินใจถูกต้องเพราะสามารถให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำถึงปีละ 8 เปอร์เซ็นต์5. ซื้อทองคำเพื่อป้องกันค่าเงินที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อ : ผลตอบแทนที่ได้รับคือมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้น เช่น การซื้อทองในฮ่องกงที่ไม่ต้องเอาทองกลับไปกลับมา แค่มีแผ่นกระดาษจากธนาคารแทน ซึ่งราคาของแผ่นกระดาษจะเปลี่ยนไปตามราคาทองในตลาด การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อแนะนำคร่าว ๆ คือ 1) ซื้อตอนมีภาวะเงินเฟ้อ เช่น ราคาน้ำมันขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย 2) ซื้อก่อนเทศกาล และ 3) ซื้อตอนที่เครื่องมือการลงทุนไม่น่าสนใจ6. ซื้อพันธบัตร : นักลงทุนสามารถเลือกซื้อพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นและถือจนถึงวันครบอายุ หรืออาจลงทุนในตราสารทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น Structure Note, Credit Link Note โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ จนถึงวันครบอายุ7. ซื้อ Hedge Fund : Hedge Fund นั้นจะสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนตลาดขาขึ้นและขาลง (Long and Short Position) โดยคาดหวังว่าราคา Hedge Fund ที่เพิ่มขึ้นจะคือผลตอบแทนการลงทุน ส่วนใหญ่ต้องลงทุนมากกว่าล้านบาทขึ้นไปถึงจะลงทุนได้ แต่แบบประกันชีวิตก็จัดได้ว่าเป็น Hedge Fund เหมือนกัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นยังมีรูปแบบที่จำกัดอยู่8. ซื้ออสังหาริมทรัพย์ : ถ้าไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งก้อน นักลงทุนก็สามารถหันไปหาซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทดแทนค่าเช่าที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หรือทดแทนมูลค่าเงินของเราที่ลดลง9. ถือเงินสด : สุดท้ายก็ควรถือเงินสดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อรอโอกาสเข้าซื้อกรณีตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรวย ก็คือ สุขภาพ ความสุข และคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ ความรวยในมุมมองของผม จึงหมายถึงการมีอิสรภาพทางการเงิน เพื่อใช้ชีวิตและเวลาไปกับสิ่งที่เรารักและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์สิน การเดินทางสายกลางจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับการสร้างสินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคล “การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน” ก็เปรียบเสมือนการสร้างสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท หากองค์กรใดต้องการความเชี่ยวชาญด้านนี้ บริษัท ABS ก็พร้อมให้บริการ โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897231
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
15/10/2025
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมาคมศิลป์ภูเก็จ เปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) รวมผลงานศิลปินภูเก็ต เชื่อมโยงวิถีและจินตนาการ พร้อมเปิดตัวชิ้นงานจำลอง “ดีวีนา” หนึ่งในไฮไลท์ Thailand Biennale Phuket 2025วันนี้ (2 ตุลาคม 2568) เวลา 16.00 น. ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต จัดพิธีเปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) โดยมีอาจารย์อารีย์ คงพล และ อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง นำผลงานมาจัดแสดง ร่วมกับเครือข่ายศิลปินรับเชิญสำหรับการจัดนิทรรศการครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงบทบาทของศิลปะ และ วัฒนธรรม ที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้ภูเก็ตก้าวสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับสากลได้อย่างยั่งยืน โดยอาจารย์อารีย์ คงพล ได้นำเสนอผลงานในชุด “จินตนาการงานสร้าง” ที่สะท้อนพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ หนึ่งในนั้นคือ ประติมากรรม “ดีวีนา” (Dheveena) ซึ่งจะได้รับการจัดแสดงในเวทีศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Phuket 2025 ขณะที่อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง ถ่ายทอดผลงานชุด “วิถี” ที่หยั่งรากจากชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในภาคใต้ ถ่ายทอดผ่านงานจิตรกรรมที่เรียบง่าย อบอุ่น แต่ทรงพลังอย่างไรก็ตาม นิทรรศการ “สองประสบการณ์” ถ่ายทอดผลงานที่สะท้อนทั้งจินตนาการและวิถีชีวิต ผ่านสายตาของสองศิลปินผู้มากด้วยประสบการณ์ ร่วมด้วยผลงานจากกัลยาณมิตรศิลปินหลากหลายสาขา โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณชั้นหนึ่ง โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้โดยการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็ต เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสิทธิ์ ผลเจริญ กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารโรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้, น.ส.เชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน, นายชลำ อรรถธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายธรรมวัฒน์ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต และนายพุทธา มากหลาย นายกสมาคมผู้บริหารงานช่างและพัฒนาฝีมือช่างภาคใต้ ในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งศิลปิน ภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/south/detail/9680000094371
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
08/12/2025
18/10/2024
21/06/2024
29/04/2024
29/04/2024