คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลองสมรสเท่าเทียม

24/01/2025

กรุงเทพฯ 24 มกราคม 2568 -  เอไอเอ ประเทศไทย ขานรับกฏหมายสมรสเท่าเทียม พร้อมเดินหน้าสนับสนุนความเท่าเทียมกันของทุกเพศอย่างไม่มีเงื่อนไข ตอกย้ำการเป็นองค์กรยุคใหม่ที่ยอมรับในความแตกต่าง มอบสิทธิประโยชน์ในการรับทำประกันและการจ่ายผลประโยชน์ให้ครอบคลุมคู่สมรสหรือคู่ชีวิตอย่างครบถ้วนให้กับลูกค้าทั้งประกันรายเดี่ยวและประกันรายกลุ่ม โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์และระบุชื่อคู่สมรสหรือคู่ชีวิต เป็นผู้รับผลประโยชน์โดยไม่จำกัดเพศ ซึ่งตอกย้ำถึงนโยบายของเอไอเอที่ยอมรับในความหลากหลาย ความเสมอภาค และสนับสนุนทุกความสัมพันธ์ เน้นย้ำความคุ้มครองที่เท่าเทียมกันในทุกเพศและทุกกรมธรรม์ เพื่อมุ่งขับเคลื่อนสังคมไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียม พร้อมกับการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เริ่มแล้ว..คปภ. เปิดตัว “คู่มือการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัย” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

22/01/2025

นายอรรถพล พิบูลธนพัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายตรวจสอบคนกลางประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. โดยสายตรวจสอบคนกลางประกันภัย ได้จัดทำคู่มือเผยแพร่ความรู้และแนวทางกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้นสำหรับการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัย เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลวิธีการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้เหมาะสม และเป็นแนวทางให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญก่อนตกลงทำสัญญาประกันภัย ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทุกมิติของการประกันภัยทรัพย์สิน โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยอย่างเหมาะสม รวมถึงเงื่อนไขที่ควรรู้ในกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการทำประกันภัยทรัพย์สินสำหรับการจัดทำคู่มือเผยแพร่ความรู้และแนวทางกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้นสำหรับการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัยฉบับนี้ เน้นถึงความสำคัญของการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงด้านการเงินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติ การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง หรือที่เรียกว่าการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่า (Under Insurance) อาจทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนที่เกินเองในทางกลับกัน หากกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยเกินกว่ามูลค่าทรัพย์สิน (Over Insurance) จะส่งผลให้เสียค่าเบี้ยประกันภัยสูงเกินความจำเป็นนอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของทรัพย์สินที่สามารถเอาประกันภัยได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านหรืออาคารที่อยู่อาศัย รวมถึงทรัพย์สินภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน รวมถึงทรัพย์สินเพิ่มเติม เช่น แผงโซลาร์เซลล์โดยสามารถแจ้งขอความคุ้มครองเพิ่มเติมจากบริษัทประกันภัยได้ เพื่อให้เจ้าของบ้านและที่อยู่อาศัยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว หรือคอนโดมิเนียม รวมถึงผู้ที่กำลังวางแผนทำประกันอัคคีภัยครั้งแรก หรือผู้ที่ต้องการตรวจสอบความคุ้มครองในกรมธรรม์ปัจจุบัน มั่นใจว่าทรัพย์สินของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งมูลค่าที่เป็นของใหม่และมูลค่าที่แท้จริงหลังหักค่าเสื่อมราคาอีกด้วยผู้ช่วยเลขาธิการ สายตรวจสอบคนกลางประกันภัย กล่าวด้วยว่า คู่มือฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอหลักการสำคัญ ในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน เพื่อช่วยประชาชนในการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากบ้านมีขนาด 100 ตารางเมตร การเลือกคุ้มครองแบบมูลค่าที่เป็นของใหม่จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองครอบคลุมตามราคาสร้างบ้านใหม่ในปัจจุบัน ขณะที่การเลือกแบบมูลค่าที่แท้จริงหลังหักค่าเสื่อมราคาจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยแต่ยังคงครอบคลุมความเสียหายตามมูลค่าที่แท้จริง เพื่อความสะดวกของประชาชน สำนักงาน คปภ. ยังจัดทำโปรแกรมช่วยคำนวณออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ฟรีผ่านเว็บไซต์ https://smart.oic.or.th/EService/Menu10 ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถประเมินมูลค่าทรัพย์สินในเบื้องต้น ใช้เป็นแนวทางในการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยได้อย่างเหมาะสม“คู่มือเผยแพร่ความรู้และแนวทางกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้นสำหรับการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัยฉบับนี้ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของสำนักงาน คปภ. ที่ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีความมั่นคงด้านการเงิน และเพิ่มความมั่นใจในการปกป้องทรัพย์สินอันมีค่าของตนเองโดยนำระบบการประกันภัยเข้ามาบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลในกรมธรรม์อย่างละเอียด ทั้งในส่วนของทรัพย์สินที่ได้รับความคุ้มครอง เงื่อนไขการคุ้มครอง และข้อยกเว้นต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาในการเรียกร้องสินไหมทดแทนในอนาคต หากมีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สิน เช่น การต่อเติมบ้าน หรือการเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้งานทรัพย์สิน ควรแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบเพื่อปรับปรุงข้อมูลในกรมธรรม์ให้สอดคล้องกับมูลค่าปัจจุบัน” ผู้ช่วยเลขาธิการ สายตรวจสอบคนกลางประกันภัย กล่าวในตอนท้ายแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ ซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=177319

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

มิว ศุภศิษฏ์ ชวน กิน เที่ยว ช็อป เสริมเฮงรับตรุษจีนปีมะเส็ง ณ โค้งน้ำท้องมังกรเก็บทรัพย์

22/01/2025

ไอคอนสยาม ผนึกกำลังพันธมิตร ฉลอง 50 ปีทองแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน กับงานตรุษจีนสุดยิ่งใหญ่ “ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 ตรุษจีนมั่งคั่ง ฉลองสัมพันธ์มั่นคง วาระ 50 ปีสายสัมพันธ์ไทย - จีน”เริ่มต้นด้วยนิทรรศการ "Lancang to ChaoPraya" ถ่ายทอดเรื่องราวจากแม่น้ำโขงสู่เจ้าพระยา ผ่านผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ “Chubby Woman with Dragon & Naga” จากศิลปินแห่งชาติ ไทย-จีน พร้อมครั้งแรกกับการอัญเชิญเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยผู้คุ้มครองดวงชะตาจำนวน 60 องค์ ให้ประชาชนขอพรรับปีมะเส็ง บนทำเลมงคลโค้งน้ำท้องมังกรเก็บทรัพย์ สนุกไปกับการแสดงพิเศษ “มังกร 2 แผ่นดิน” ระหว่างพญานาคและมังกรพร้อมชมการแสดงนาฏมหามงคลจากนครฉางซา และเซอร์ไพรส์จากคู่จิ้นสุดฮอต ซี-นุนิว ในพิธีเปิดวันที่ 24 มกราคม และหลิง-ออม ในวันตรุษจีน 29 มกราคม ท่ามกลางบรรยากาศถนนคนเดินสไตล์จีน “Little China” ที่รวมกว่า 35 ร้านดังทั่วไทยมาให้สัมผัสทั้งกิน เที่ยว ช็อป พร้อมจุดถ่ายภาพที่สะท้อนความรุ่งเรืองของมิตรภาพไทย-จีน โดยงานจัดขึ้น 10 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 24 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 บนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโค้งน้ำท้องมังกรที่สวยที่สุดด้านมิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ ซึ่งได้มาร่วมงานแถลงข่าว “ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 กล่าวว่า ตนมีความผูกพันกับวัฒนธรรมและประเพณีตรุษจีน เพราะครอบครัวเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ตั้งแต่จำความได้ ช่วยครอบครัวซื้อของ ตั้งโต๊ะไหว้เจ้า ตามความเชื่อที่ส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น ตอนเด็กจะดีใจและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้รับซองอั่งเปาสีแดง เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน พอโตขึ้นมุมมองเปลี่ยนและมองเทศกาลตรุษจีนลึกซึ้งขึ้น ตรุษจีนเป็นวัฒนธรรมที่ให้เราระลึกถึง แสดงออกซึ่งความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังแฝงไปด้วยการสร้างความสามัคคีปรองดองนอกจากความสำเร็จที่มาจากความตั้งใจในการทำงานและความสามารถของตัวเองแล้ว ตนมีความเชื่อที่ว่า การไหว้พระขอพรเทพเจ้าในช่วงตรุษจีน เป็นการเสริมขวัญ กำลังใจ และเป็นโอกาสดีในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ เปิดรับความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิตเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ในการไหว้บรรพบุรุษ และไหว้เทพเจ้า โดยทุกๆปี ทางครอบครัวจะต้องไปไหว้องค์ไท้ส่วยเอี๊ย เพื่อให้คุ้มครองดวงชะตา และองค์ไฉ่ซิ่งเอี๊ย เพื่อขอโชคลาภ ที่วัดหรือศาลเจ้าแต่ปีนี้จะมีความพิเศษมากขึ้น เพราะจะพาครอบครัวมาไหว้ เทพเจ้าที่ไอคอนสยาม ได้เชิญเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย ผู้คุ้มครองดวงชะตา จำนวน 60 องค์ ซึ่งเป็นเทพคุ้มครองประจำปีเกิด ซึ่งนอกจากไหว้เทพเจ้าแล้ว ในช่วงตรุษจีนยังสามารถมาร่วมกิจกรรมที่ไอคอนสยามจัดขึ้นทั้งชมประติมากรรมจากศิลปินชื่อดัง ชมการแสดงต่างๆ รวมถึงช็อปปิ้ง ไอคอนสยามก็ได้จัดแคมเปญใหญ่ชิงรางวัล ทริปมหามงคล เข้าร่วมวันเปิดทรัพย์ 1 ปี มี 1 ครั้งที่วัดฮองฮำ ฮ่องกง หรือมาทั้งครอบครัวมาชิมเมนูอาหารมงคล ก็ครบจบในที่เดียว”ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในงาน “ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 ตรุษจีนมั่งคั่ง ฉลองสัมพันธ์มั่นคง วาระ 50 ปีสายสัมพันธ์ไทย – จีน” ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยามแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/entertain/news/2836595

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

5 ไฮไลต์ตรุษจีนปีงู ททท.จัดใหญ่ฉลอง 50 ปี สัมพันธ์ไทย-จีน

22/01/2025

ททท. ฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี จัดเทศกาลตรุษจีนปีงูเล็กอย่างยิ่งใหญ่ใน 5 พื้นที่ของไทย คาดหนุนรายได้ท่องเที่ยวทั่วประเทศเพิ่มกว่า 4 หมื่นล้านบาทนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปี 2568 ถือเป็นปีสำคัญของการเฉลิมฉลองวาระ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นกันมาอย่างยาวนาน ดังปรากฏจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมากกว่า 6.7 ล้านคน นับเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2567 โดยการจัดเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจัดงานเทศกาลตรุษจีนที่ใหญ่ที่สุดนอกสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงเป็นโอกาสอันดีในการต่อยอดประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในปี 2568 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ (Grand Celebration) ในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025เทศกาลตรุษจีน เยาวราชนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย" นี้ สะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น เสมือนครอบครัวเดียวกันของทั้งสองประเทศ และการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์เสมอมา นำความปลื้มปีติมายังพี่น้องชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนทั้งนี้ เพื่อยกระดับมิตรภาพระหว่างสองประเทศ และเฉลิมฉลองปีแห่งการขึ้นทะเบียนยูเนสโกเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของเทศกาลตรุษจีน ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้นำการแสดงทางวัฒนธรรมอันยอดเยี่ยมจาก 3 มณฑลของจีน ประกอบด้วย เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ มณฑลยูนนาน และมณฑลเจ้อเจียง มาร่วมถ่ายทอดความงดงามแห่งวัฒนธรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเทศกาลตรุษจีน เยาวราชด้าน พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดเตรียมกำลังพล ยานพาหนะและอุปกรณ์ ดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ประกอบด้วย การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวบูรณาการกับกองบัญชาการทั่วประเทศ จัดทำโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง โดยเชื่อมต่อกล้องระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลกับฐานข้อมูลหมายจับ พัฒนาแอปพลิเคชั่น Thailand Tourist Police เชื่อมต่อกับระบบรับแจ้งเหตุตำรวจท่องเที่ยว 1155 พร้อมฟังก์ชัน SOS และ GPS ที่สามารถแชร์โลเคชั่นแจ้งพิกัด และประสานกับศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในการรับแจ้งเหตุและร่วมกันระงับเหตุอย่างทันท่วงที พร้อมมีบริการเจ้าหน้าที่ล่ามแปลภาษา 8 ภาษา ตลอด 24 ชั่วโมงอนึ่งในปีนี้ ทาง ททท. ยังได้ชวนร่วมงานเทศกาลตรุษจีน 5 งานใหญ่ที่ทาง ททท.จัดและสนับสนุน ดังนี้1. เทศกาลตรุษจีน เซ็นทรัลเวิลด์ : 28 ม.ค.- 2 ก.พ. 68นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า งานนี้ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานด้วยไฮไลต์ “Art Installation” แลนด์มาร์กรูปงูฉลุลายประดับไฟขนาดใหญ่ องค์เจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือ พร้อมจำลองชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่และมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจได้แก่ ชุมชนจีนโบราณบ้านชากแง้ว จ.ชลบุรี และชุมชนจีนตลาดน้อย ศาลเจ้าโรงเกือก เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสบรรยากาศและเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิดเทศกาลตรุษจีน เซ็นทรัลเวิลด์ (แฟ้มภาพ)ส่วนในวันเปิดงาน 28 ม.ค. 68 จะมีพิธีกล่าวสารอวยพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนให้กับพี่น้องชาวจีนทั่วโลก ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รวมทั้งจัดการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไทย-จีน โดยประเทศไทยนำเสนอเสน่ห์และเอกลักษณ์ไทยในการแสดงชุด “Soft Power Of Thailand ”นอกจากนี้ภายในงานดังกล่าวยังมีกิจกรรมน่าสนใจอื่น ๆ อาทิ การสาธิตวัฒนธรรมไทย-จีน 4 กิจกรรม ได้แก่ การเขียนพู่กันจีน ศิลปะการตัดกระดาษจีน การเขียนหัวโขน การทำว่าวจุฬา และการตัดกระดาษ รวมถึงการออกร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์จำนวนกว่า 30 ร้าน พร้อมด้วยการแสดงศิลปินตลอด 6 วัน ได้แก่วง MEAN วง HERS, Tilly birds, Landokmai, Scrubb, Whal & Dolph, ต้าห์อู๋ พิทยา, PAIINNTT, Bowkylion, Better Weather, bamm และ Risa Narisa2. เทศกาลตรุษจีน เยาวราช กทม. : 19 ม.ค.-9 ก.พ. 68 เวลา 18.00-24.00 น.เทศกาลตรุษจีน เยาวราชงานนี้ ททท. ได้เนรมิตถนนเยาวราชด้วยการประดับไฟตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00-24.00 น. ภายใต้แนวคิด “Ignite Your Senses Embrace Our Two Cultures” นำเสนอผ่านสีโทนแดงและทอง สื่อถึงพลังแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ความมั่งคั่งร่ำรวยและโชคลาภ สร้างสรรค์ไฮไลต์ซุ้มไฟงูสีแดงและประดับไฟดอกไม้หลากสีบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ วงเวียนโอเดียน ถึง แยกเฉลิมบุรี ถนนเยาวราชส่วนในวันที่ 29 ม.ค. 68 จะมีพิธีเปิดเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2568 ณ ถนนเยาวราช โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ซึ่ง ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนนำการแสดงทางวัฒนธรรมรูปแบบ Thai Contemporary ผสมผสานเครื่องดนตรีจีน แสดงหน้าพระพักตร์ รวมทั้งจัดทำบูธในงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช นำเสนอศาสตร์พยากรณ์ ได้แก่ ศาสตร์นาฬิกาพยากรณ์ อ.พิชัยรัตน์ และศาสตร์ไพ่ออรอเคิล อ.แน็ต ซียูทาโร่ห์3. ประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ : 22 ม.ค.-2 ก.พ. 68งานตรุษจีนนครสวรรค์ (แฟ้มภาพ : ททท.สำนักงานนครสวรรค์-พิจิตร)ประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ หรือ “งานตรุษจีนนครสวรรค์” จัดขึ้น บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ภายในงานพบกิจกรรมไฮไลต์ขบวนแห่ตรุษจีน สักการะองค์เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ พร้อมชมการแสดงวัฒนธรรมไทย-จีน4. ตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 17 ปี มังกรสวรรค์ : 29-31 ม.ค. 68ตรุษจีนสุพรรณบุรี (แฟ้มภาพ)งานตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 17 ปี มังกรสวรรค์ จัดขึ้นที่ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จังหวัดสุพรรณบุรี ภายในงานพบไฮไลต์การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย-จีนและการออกร้านค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น5. เทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ : 28 ม.ค.-2 ก.พ. 68เทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ (แฟ้มภาพ)เทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ จัดขึ้น บริเวณโรงเรียนศรีนครมูลนิธิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในงานมีไฮไลต์ การแสดงโดรน 500 ลำ ประติมากรรมหุ่นไฟและการประดับไฟ การแสดงมังกรทองพ่นไฟ-สิงโตเล่นจานดอกเหมยทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่าช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568 จะก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยรวมประมาณ 40,360 – 40,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 - 10 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.22 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 สร้างรายได้ประมาณ 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ขณะที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.34 - 1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 – 6 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 34,060 – 34,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7-8 เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 2.77 - 2.87 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3-7 สร้างรายได้ 8,500 - 8,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 - 9 นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน รวมทั้งนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนในมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เข้ามาสมทบในช่วงเทศกาลตามลำดับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000006130

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ธุรกิจ

9 กฎเหล็กทำธุรกิจก้าวหน้า ให้ได้มาถึงความสำเร็จแบบง่ายๆ

17/01/2025

การทำธุรกิจต้องมีกฎเหล็กที่ต้องยึดมั่นเป็นแนวทาง เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ามีหลายตำราให้เลือกเดิน แต่ smartsme มีมานำเสนอเหมือนกันกับ 9 กฎเหล็กทำธุรกิจก้าวหน้า ให้ได้มาถึงความสำเร็จแบบง่ายๆกฏเหล็กของคนทำธุรกิจกฎข้อแรก: อย่ากลัวที่จะล้มเหลวไม่มีใครเคยได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากการอยู่ในพื้นที่ Comfort Zone เช่นเดียวกับในสถานการณ์เป็นผู้ประกอบการ หากอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องเต็มใจที่จะเสี่ยงถึงจะได้รางวัลเป็นสิ่งตอบแทน นั่นหมายความว่าอย่ากลัวที่จะล้มเหลวถ้าคุณไม่กล้าที่จะเสี่ยง คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ถ้าล้มเหลวก็ควรใช้เป็นโอกาสในการเรียนรู้ และเสี่ยงไปจนจะประสบความสำเร็จกฎข้อที่สอง: ศรัทธาในตัวเองผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถของคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณอวดดี หรือมั่นใจมากเกินไป แต่ควรศรัทธาในทักษะที่มี หากไม่เชื่อในตัวเอง จะเป็นการยากที่จะโน้มน้าวผู้อื่นให้สนใจกับธุรกิจของคุณหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมผู้ประกอบการถึงล้มเหลว เพราะว่าพวกเขายอมแพ้แบบง่ายดาย แม้ว่าพวกเขาอาจจะมีไอเดียทางธุรกิจแบบเจ๋ง ๆ แต่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง ดังนั้น พวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่มุ่งหวัง โดยจำไว้เสมอว่าความสำเร็จต้องใช้เวลา และความอดทน หากอยากประสบความสำเร็จก็ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำกฏข้อที่สาม: มุ่งมั่นและจัดระเบียบในฐานะผู้ประกอบการ เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกมองข้ามโดยคนนับล้าน และเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมุ่งมั่น และจัดระเบียบต่าง ๆ ให้ดี ตั้งเป้าหมายทั้งรายวัน, รายสัปดาห์ และรายเดือนการกำหนดเป้าหมายจะทำให้คุณมีความคิดที่ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไร เมื่อใด จากนั้นก็สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน และมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมีความก้าวหน้าอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการจัดระเบียบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การเงิน, การเก็บข้อมูล และภาษี ตลอดจนระบบ และกระบวนการในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นกฏข้อที่สี่: มอบหมายและจ้างเอาท์ซอสเมื่อธุรกิจเติบโต คุณจะรู้ทันทีว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตัวเอง ดังนั้นจะต้องมอบหมายให้คนอื่นทำหน้าที่นั้น พร้อมกับนำเวลามาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญเพื่อรันธุรกิจให้ดำเนินต่อไป โดยวิธีแก้ไขเรื่องนี้ คือการจ้างพนักงานเพิ่ม หรือเอาท์ซอสเพื่อประหยัดเวลา และเงินทุนลองประเมินว่างานส่วนไหนควรจ้าง ส่วนไหนยังบริหารทำเองได้อยู่ จะได้บริหารงานอย่างคล่องตัวกฎข้อที่ห้า: เรียนรู้อยู่เสมอสิ่งหนึ่งของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือต้องไม่หยุดเรียนรู้ มีสิ่งใหม่ ๆ ให้ศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจอยู่เสมอ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเรื่องดี โดยหนึ่งในการเรียนรู้ ได้แก่ การอ่านหนังสือ, อ่านบทความเกี่ยวธุรกิจ อีกช่องทางหนึ่ง คือการเข้าร่วมเวิร์คช็อป และสัมมนาในหัวข้อที่คุณสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจสำคัญที่สุดอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ท่องเอาไว้ในใจเสมอกฏข้อที่หก: หลงใหลเกี่ยวกับสิ่งที่ทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องมีความหลงใหลในสิ่งที่คุณทำอยู่ นั่นหมายความว่าต้องมีความสนใจอย่างแท้จริงในสินค้า และบริการที่นำเสนอ รวมถึงเต็มใจที่จะทุ่มเทความพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจที่สุดว่ามันจะออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นอกจากนี้ คุณยังต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มองว่าธุรกิจควรปรับปรุง หรือแก้ไขตรงให้สิ่งที่มีอยู่ดียิ่งขึ้นกฏข้อที่เจ็ด: อดทนนักธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทาย และอุปสรรค สิ่งสำคัญคือต้องมีความอุตสาหะที่จะเดินหน้าต่อ แม้จะเจอความอยากลำบาก อาจจะมีบางครั้งที่รู้สึกเหมือนยอมแพ้ แต่ต้องไม่ลืมว่าคุณต้องผลักดัน และทำงานต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ให้ได้กฎข้อที่แปด: รับความเสี่ยงแน่นอนว่า คุณต้องการที่จะมีกลยุทธ์รับกับความเสี่ยง ไม่มีใครอยากสุ่มสี่สุ่มห้ากระโดดเข้าไปในบางสิ่งที่คุณไม่เคยรู้ แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยงก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จหากต้องการประสบความสำเร็จ คุณต้องเต็มใจที่จะออกไปข้างนอก และลองสิ่งใหม่ ๆ อาจจะล้มเหลว แต่เป็นเรื่องที่รับได้ เหล่านี้คือกระบวนการของการเรียนรู้ อย่าปล่อยให้ความกลัวเข้ามาฉุดรั้งความเชื่อมั่นของตัวเองกฎข้อที่เก้า: ยืนหยัดกับสิ่งที่ทำในโลกธุรกิจปัจจุบัน กฎการมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยกฎข้อหนึ่งที่คงที่ คือผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด มักจะเป็นคนที่เต็มใจจะยืนหยัดในช่วงเวลาขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งการยืนหยัดไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนกดดัน แต่หมายถึงความมุ่งมั่น และเพียรพยายาม ที่จะทำต่อไปแม้สิ่งที่ทำจะยากลำบาก แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พร้อมก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอที่มา: linkedinแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thairath moneyhttps://smartsme.co.th/content/9-%e0%b8%81%e0%b8%8e%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

ทำความเข้าใจ Co payment เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพใหม่ ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายอย่างไรบ้าง?

17/01/2025

"ทำความเข้าใจ Co payment เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพใหม่ ก่อนบังคับใช้จริง มี.ค. 2568 ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล 30% หรือ 50% หากเข้าเงื่อนไข ตามที่กำหนดไว้ใน 3 กรณี พร้อมเปิดตัวอย่างสถานการณ์กรมธรรม์ที่เข้าเงื่อนไข"ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ของวงการกรมธรรม์ประกันสุขภาพ หลังจากบริษัทประกันต่างๆ เตรียมปรับเงื่อนไขใช้ Copayment โดยจะเริ่มใช้ 1 มีนาคม 2568 นี้แล้วล่าสุด สมาคมประกันชีวิตไทยเผยแพร่หลักการของกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่จะเริ่มคุ้มครอง โดยตอบคำถามสำคัญที่ว่า ใครบ้างที่จะเข้าเงื่อนไข Copayment และเงื่อนไขนี้จะมีผลต่อการทำประกันอย่างไรบ้าง หลังจากมีข้อมูลว่าผู้ป่วยต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง ซึ่งเปลี่ยนจากรูปแบบเหมาจ่ายในปัจจุบันใครบ้างที่จะเข้าเงื่อนไข Copaymentโดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่มีนาคม 2568 จะมีเงื่อนไข Copayment ระบุอยู่ในกรมธรรม์ ซึ่งจะมีเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขในลักษณะต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้กรณีที่ 1: การเจ็บป่วยเล็กน้อย  •  การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง (Simple Diseases) หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ด้วยจำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์  •  อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 2: การเจ็บป่วยโรคทั่วไป (ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่)  •  การเคลมสำหรับโรคทั่วไป แต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง จำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์  •  อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 3: หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ 2  •  การเคลมผู้ป่วยจะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปทั้งนี้ ข้อคำถามที่ถามว่า ถ้าเข้าเงื่อนไข Copayment ประกันสุขภาพแล้ว จะมีผลทุกปีกรมธรรม์หรือไม่นั้นสมาคมประกันชีวิตระบุว่า Copayment จะปรับเปลี่ยนได้เมื่อสถานการณ์การเคลมดีขึ้น โดยบริษัทต่างๆ จะพิจารณาทุกรอบปีกรมธรรม์เช่น หากปี 2568 ผู้ป่วยเข้าเงื่อนไขทั้งกรณีที่ 1, 2 และ 3 ส่งผลให้ในปี 2569 ผู้ป่วยต้องร่วมจ่าย Copayment 30% หรือ 50% ตามเงื่อนไข ซึ่งปี 2570 จะเข้าเงื่อนไข Copayment ต่อหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับอัตราการเคลมในปี 2569 ที่ผ่านมานั่นเอง ว่าเข้าเงื่อนไขกรณีที่ 1, 2 และ 3 หรือไม่?ตัวอย่างสถานการณ์กรมธรรม์ที่เข้าเงื่อนไขสำหรับ Copaymentโรคที่ไม่รุนแรง (Simple Diseases) มีลักษณะอย่างไรบ้าง?  •  อาการไม่รุนแรง: อาการมักไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว  •  รักษาง่าย: การรักษามักไม่ซ้ำซ้อน เช่น การใช้ยาสามัญประจำบ้าน หรือวิธีการธรรมชาติ  •  หายได้เอง: ในบางกรณีร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษา  •  พบได้บ่อย: เป็นโรคหรืออาการที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัยตัวอย่างการเจ็บป่วยเล็กน้อย- เวียนศีรษะ- ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน- กล้ามเนื้ออักเสบ- ไข้ไม่ระบุสาเหตุ- ปวดหัว- ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน- ไข้หวัดใหญ่- ภูมิแพ้- กล้ามเนื้ออักเสบ- ท้องเสีย- โรคกระเพาะอาหารอักเสบและกรดไหลย้อนรายชื่อโรคร้ายแรงและผ่าตัดใหญ่ที่การเคลมจะไม่ถูกนับเข้าเงื่อนไข Copaymentทั้งนี้ สิ่งที่ต้องรู้อีกข้อ คือ ถ้าเข้าเงื่อนไข Copayment แล้ว (จำนวนการรักษาและอัตราการเคลมเกินกำหนด) เบี้ยประกันภัยจะไม่มีการลดลง ที่มา : สมาคมประกันชีวิตไทยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thairath moneyhttps://www.thairath.co.th/money/personal_finance/insurance/2836050

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ช็อตเด็ดโดนใจ “ไอคอนสยาม” ประกาศสุดยอดภาพถ่ายพลุรักษ์โลก งาน “Amazing Thailand Countdown 2025”

17/01/2025

“ไอคอนสยาม” ประกาศผลรางวัลภาพถ่ายพลุรักษ์โลก งาน “Amazing Thailand Countdown 2025” โดยผลงานของผู้ชนะการประกวดทั้งหมดจะจัดแสดงผ่านดิจิทัลมีเดียภายในไอคอนสยาม ในวันที่ 10-31 ม.ค. นี้จากความสำเร็จอย่างงดงามของงาน Amazing Thailand Countdown 2025 ส่งผลประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน TOP 5 ของ Global Countdown Destination ระดับโลก นอกจากนี้ “ไอคอนสยาม” ยังได้จับมือกับ “สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” จัดประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลกในงาน “Amazing Thailand Countdown 2025” ภายใต้หัวข้อ “The Iconic Moments: Capturing the Countdown” โดยปีนี้มีจำนวนผู้ส่งภาพถ่ายพลุเข้าประกวดมากเป็นประวัติการณ์รางวัลที่สอง - กุสุมาลย์ วชิรวราการสำหรับผลการแข่งการประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลก มีจำนวนทั้งสิ้น 13 รางวัล ดังนี้- รางวัลชนะเลิศ (รางวัลที่ 1) : พรรษ บุณยะประภัศร์ ได้รับเงินสด 100,000 บาท- รางวัลที่ 2 : กุสุมาลย์ วชิรวราการ ได้รับเงินสด 50,000 บาท- รางวัลที่ 3 : ทวีชัย จันทะวงค์ ได้รับเงินสด 20,000 บาท- รางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 2,000 VIZ Coins ได้แก่ อรรถพล ด้วงนิ่ม, นันทพันธ์ กอบกฤศวัฒน์, ทรงพล เทศกิจ, สันต์ทัศน์ บุญสรรค์สร้าง และธนพล ตันตินิกร- รางวัลผู้ชนะจากกิจกรรม Social Media Popular Vote จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 5,000 Coins ได้แก่ ปรีดา เลิศล้ำ, ศิลา ปิยธรรมรัตน์, วรวุฒิ ยิ้มศิริ, ภาคิณ ผู้กำจัด และภีมพัฒน์ สวัสดิวณิชย์รางวัลที่สาม - ทวีชัย จันทะวงค์นายตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การประกวดภาพถ่ายครั้งนี้ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมกว่า 633 ผลงาน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วเท่าตัว โดยผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจะเป็นผลงานที่ส่งต่อความประทับใจไปทั่วโลก โดยจัดแสดงผ่าน Social Media และจอ Digital ใน ICONSIAM ในวันที่ 10-31 มกราคม 2568รางวัล Social Media Popular Vote - ปรีดา เลิศล้ำนายพรรษ บุณยะประภัศร์ ผู้ชนะเลิศจากการประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลก กล่าวว่า ในทุกครั้งของการกดชัตเตอร์ตนเองคิดเสมอว่า ทุกภาพจะนำเรากลับไปสู่ความทรงจำ ความสวยงาม ความประทับใจต่าง ๆ ในแต่ละโมเมนต์ ดังนั้นจึงไม่พลาดโอกาสที่จะร่วมส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้ ยอมรับว่าการแสดงพลุที่ไอคอนสยาม ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีการเป็นตัวแทนประเทศไทย ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ผ่านความตระการตาของการแสดงพลุที่มีสีสันสวยงาม หลากหลายรูปทรง เทคนิคพิเศษ และยิ่งงดงามหลายเท่าเมื่อปรากฏเหนือโค้งน้ำเจ้าพระยา ตนคิดว่าที่ได้รับรางวัลเพราะองค์ประกอบของภาพที่ลงตัวและถ่ายทอดความงดงามได้อย่างสมบูรณ์รางวัลชมเชย - สันต์ทัศน์ บุญสรรค์สร้างนายปรีดา เลิศล้ำ ผู้ได้รับรางวัล Social Media Popular Vote กล่าวว่า ขอขอบคุณ ไอคอนสยาม ที่จัดให้มีรางวัลพิเศษ Social Media Popular Vote ของการประกวดภาพพลุให้ได้ร่วมสนุก ขอบคุณทุกเสียงโหวต ที่มาร่วมส่งกำลังใจกดไลก์ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้มียอดไลก์มากที่สุดและได้รับรางวัลนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่รางวัล แต่เป็นความสุข ความทรงจำ ความประทับใจ และเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าทั้งนี้ผลงานของผู้ชนะการประกวดทั้งหมดจะจัดแสดงผ่านดิจิทัลมีเดียภายในไอคอนสยาม ในวันที่ 10-31 มกราคม 2568 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศความงดงามตระการตาของแสดงพลุรักษ์โลกยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่สร้างชื่อเสียงกล่าวขานไปทั่วโลกไปพร้อมกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ Facebook : ICONSIAMแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000003808

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ พกได้ไม่เกินกี่แอมป์ กี่ก้อน ปี 2025

17/01/2025

พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank) ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ได้ไม่เกินกี่แอมป์ ปี 2025พาวเวอร์แบงค์ หรือ แบตเตอรี่สำรอง อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเดินทางเพื่อรองรับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นของติดตัวที่ขาดไม่ได้ไปเสียเเล้ว ยิ่งหากต้องเดินทางไปท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศยิ่งจำเป็นต้องนำพบพาไปด้วย แต่หลายคนคงสงสัยว่า พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องได้ไม่เกินกี่แอมป์ หรือพกได้กี่ก้อนกันแน่นะการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบิน1. จำกัดขนาดความจุไฟฟ้าปัจจุบันทุกสายการบิน ได้ทั้งในและต่างประเทศ กำหนดการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบินตามกฎของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA)ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดน้อยกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีการระบุจำนวน (จะนำขึ้นเครื่องกี่ก้อนก็ได้)  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาด 20,000-32,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อนเท่านั้น (ขึ้นเครื่องได้แค่ 2 ก้อนเท่านั้น )  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดมากกว่า 32,000 mAh ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ในทุกกรณี (ห้ามพกพา ห้ามขึ้นเครื่องเลย )2. ถือขึ้นเครื่องพร้อมผู้โดยสารเท่านั้นจากความจุกระแสไฟฟ้าทุกขนาดตามกฎข้อที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นขนาดใด ห้าม!!! ใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ที่โหลดใต้ท้องเครื่องเด็ดขาด นักเดินทางต้องนำแบตสำรองใส่กระเป๋าที่ถือติดตัว และนำขึ้นเครื่องไปด้วยเท่านั้น3. ได้มาตรฐานมีระบุรายละเอียดชัดเจนพาวเวอร์แบงก์ที่สายการบินอนุญาติให้ขึ้นเครื่องได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานโดยมีฉลากกำกับและแสดงให้เห็นขนาดความจุกระแสไฟฟ้าที่ตัวแบตอย่างชัดเจน กรณีที่เป็นแบตเตอรี่สำรองแฟชั่นหรือไม่ได้มาตรฐานไม่มีตัวเลขกำกับ ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยเด็ดขาดดังนั้นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าพาวเวอร์แบงก์ที่ใช้กันทั่วไปสามารถนำขึ้นเครื่องได้ไหม ตอบคำถามได้ดังนี้  •  พาวเวอร์แบงค์ 10000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด  •  พาวเวอร์แบงค์ 15000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด  •  พาวเวอร์แบงค์ 20000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 30000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 32000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 35000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ไม่ได้โดยเด็ดขาด เก็บไว้ใช้ที่บ้านเถอะ!ตรวจสอบให้ดี เพียงเท่านี้ก็ขึ้นเครื่องเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกยึดพาวเวอร์แบงก์ที่ด่านตรวจอีกต่อไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446967/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การดำเนินชีวิต

5 เทคนิคตั้งตัวชี้วัดชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

16/01/2025

ช่วงนี้เราเห็นข่าวคนดังหลายคนถูกดำเนินคดี เพื่อนผมจึงโพสต์ถึงหนังสือที่ส่วนหนึ่งกล่าวถึงเพื่อนนักธุรกิจของผู้เขียนที่มีชื่อเสียงและดูเหมือนอนาคตสดใส แต่ปลายทางกลับต้องเข้าคุก สาเหตุหนึ่งมาจากการโอนอ่อนของตัวเองด้วยคำว่า “ขัดหลักการครั้งเดียวคงไม่เป็นไร”ใน “How will you measure your life?” เขียนโดย Clayton M. Christensen นักธุรกิจ-นักวิชาการที่ทรงอิทธิพลระดับโลกและป่วยเป็นมะเร็งขณะเขียนเรื่องนี้ ผมจึงขออนุญาตดึงส่วนที่ประทับใจมา Remix กับมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวในบทความนี้ครับตั้งเป้าให้ชัด พร้อมกำหนดน้ำหนักที่ชัดเจนเมื่อถามถึงความสำเร็จในชีวิตในวงสนทนาต่างๆ ผมพบว่าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จด้านการเงินมาเป็นอันดับแรก ทั้งการเพิ่มสินทรัพย์ เพิ่มความมั่นคง ส่วนอันดับถัดมามักเป็นความสำเร็จด้านการงาน ทั้งการมีตำแหน่งสูง อำนาจบารมี จนไปถึงการมีหน้ามีตาในสังคมทั้งออฟไลน์และออนไลน์คนที่มองเป้าหมายเดียวคือ “เงิน” หรือให้น้ำหนักกับเป้าอื่นๆ ต่ำกว่ามาก ผมพบว่ามักจะมุ่งใช้เวลากับการเพิ่มทรัพย์สินอย่างไม่มีวันจบสิ้น สำเร็จแล้วก็ขยับเป้าเดิมสูงขึ้นอีก บางคนแม้หลักการของตัวเองก็ถูกยกเว้นบ่อยครั้ง เริ่มจากโอนอ่อนให้กับกิจกรรมสีเทาจนไปสู่ธุรกิจสีเทาเข้มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่ให้น้ำหนักกับเป้าที่สองที่สามก็จะมีเงื่อนไขที่ยากขึ้น เพราะต้องคำนึงถึงเป้าอื่นด้วย เช่น การมีหน้าตาในสังคมระยะสั้น-ระยะยาว ความสำเร็จด้านความสัมพันธ์ ครอบครัว สุขภาพ การพัฒนาตนเอง จนไปถึงความสำเร็จด้านจิตวิญญาณตามความเชื่อของตน ซึ่งคนที่เป้าเยอะ แม้จะต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะจะตัดสินใจทำอะไรก็ต้องมองหลายมิติ แต่สิ่งที่ประสบความสำเร็จมีโอกาสที่จะยั่งยืนมากกว่าในขณะที่การตั้งเป้าด้าน “การสร้างผลกระทบกับผู้อื่นในเชิงบวก” (Create positive impacts on others) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในเป้าที่จับต้องได้ดีและเห็นผลชัดเจน (ผลในที่นี้หมายถึง Impact ที่เกิดกับคนอื่นนะครับ ไม่รวมถึงที่กลับมาตอบแทนคนทำ) ทุกคนสามารถทำได้ในขอบเขตหน้าที่ที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน และพบว่าคนใกล้ตายหลายคนสรุปตรงกันว่า นี่คือการตั้งเป้าหมายที่ถูกต้องของชีวิตจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพทรัพยากรหลักที่ทุกคนมีคือ เวลา (Time) พลังงาน (Energy) และความสามารถ (Talent) ซึ่งต้องจัดสรรไปกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้เราไปถึงทุกเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างสมดุลตามลำดับความสำคัญ โดยคนที่ล้มเหลวมักเกิดจากการเพลิดเพลินกับความสำเร็จระยะสั้น จนหลงลืมที่จะจัดสรรไปกับสิ่งที่จะพาไปถึงเป้าระยะยาวสร้างวัฒนธรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมในทุกที่ที่เราใช้ชีวิต ซึ่งเริ่มได้จากในครอบครัว หน่วยงาน จนไปถึงองค์กรที่เรามีส่วนร่วม จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จของชีวิตที่ตั้งเป้าไว้ได้ ตามหลักแล้ววัฒนธรรมจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากคนหนึ่งส่งไปสู่คนรอบตัวในการเริ่มให้คุณค่ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนนำไปสู่ค่านิยมที่ยั่งยืนมากขึ้นจนเป็นวัฒนธรรม เช่น ให้ค่ากับการตรงต่อเวลา การเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน การเรียนรู้ความผิดพลาด หลักการใดที่ทุกคนควรยึดมั่น จนไปถึงการสร้างกิจกรรมร่วมกันที่มีคุณภาพเช่น การทานอาหาร และออกกำลังด้วยกันเทคนิคที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จคือ การตั้งเป้าหมายและวิธีการร่วมกัน ออกแบบค่านิยมที่จะส่งเสริมให้ไปถึงเป้านั้นให้ชัดเจน (อย่าให้เกิดโดยบังเอิญโดยไม่มีทิศทาง) เรียนรู้-ปรับเพื่อให้เกิดความสำเร็จขึ้นซ้ำๆ และสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากสมาชิกที่เกี่ยวข้องผิดหลักการ “แค่ครั้งเดียว ก็ไม่ได้”หนึ่งในบทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดคือ เมื่อได้วางหลักการของตัวเองแล้ว (Personal Principles) อย่าประนีประนอมในสิ่งที่ขัดกับหลักการ แม้จะดูเหมือนเล็กน้อย แต่การโอนอ่อนแม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจเปิดให้เกิดการทำซ้ำๆ จนนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุดการยึดมั่นในหลักการของตนช่วยสร้างความมั่นคงในจิตใจและเป็นแนวทางให้กับการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น หากเรามีหลักการในการทำงานอย่างซื่อสัตย์และยุติธรรม แม้จะมีแรงกดดันมาก แต่เรายังสามารถยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายระยะยาวได้ตั้งตัวชี้วัดให้สัมพันธ์กับเป้าหมายตัวชี้วัดที่ผิดจะนำสู่การตัดสินใจที่ผิด ในฐานะนักข้อมูลผมจึงมองว่าขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดโดย1. ระบุสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต: เช่น การเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ จนไปถึงการสร้างผลกระทบกับผู้อื่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนจะเรียงลำดับนี้ต่างกัน2. เลือกตัวชี้วัดให้สัมพันธ์กับเป้าหมาย หรือสะท้อนคุณค่าที่เรายึดถือ: อย่าไขว้เขวกับคุณค่าของคนอื่น เพราะความสำคัญและตัวชี้วัดของแต่ละคนต่างกัน3. หลีกเลี่ยงตัวชี้วัดที่มุ่งเฉพาะผลระยะสั้น: เพราะจะทำให้ละเลยเป้าหมายระยะยาว ซึ่งผมพบว่าหลายคนที่เวลาผ่านไปแล้วพูดคำว่า “รู้งี้” เกิดจากเหตุผลนี้กันเยอะ4. ประเมินและปรับปรุงตัวชี้วัดอย่างต่อเนื่อง: ทบทวนตัวชี้วัดเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงสอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิต ซึ่งหากพบว่าตัวชี้วัดเดิมไม่เหมาะสม ก็ปรับเป็นตัวใหม่แนะนำให้ลองอ่าน “ปรัชญาปัญญาชีวิต” โดย คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ที่เป็นฉบับแปลไทยซึ่งเพิ่มทฤษฏีธุรกิจที่ถูกอ้างอิงจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ แล้วนำมา Remix เป็นเทคนิคส่วนตัวสำหรับวัดผลชีวิตกันดูนะครับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/lifestyle/1154562

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการศิลปะกลุ่ม “White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย” เปิดโลกศิลปะไร้พรมแดน ชมฟรี วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ

16/01/2025

สยาม ทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นขนานแท้แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม ร่วมกับ พาเลท อารต์สเปช แกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะชั้นนำของไทย และมูลนิธิวัฒนธรรมตะวันออก (ECF) ขอเชิญทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ศิลปะอันทรงคุณค่าในนิทรรศการกลุ่ม "White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย" ระหว่างวันที่ 3 – 31 มกราคม 2568 ณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ นิทรรศการเสนอผลงานสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยและภูฏานกว่า 80 ชิ้น ที่ผ่านเข้ารอบจากการประกวน White Canvas ประจำปี 2024 โดดยผลงานเป็นการสะท้อนถึงการเติบโตทางความคิดและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ผ่านเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ ลายเส้น สีน้ำ อะคริลิค และสีน้ำมัน นิทรรศการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ และส่งเสริมศักยภาพของศิลปินรุ่นใหม่ พร้อมเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับงานศิลปะ ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มที่ติดตามกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน และเปิดโอกาสให้เข้าถึงงานศิลปะในรูปแบบ Metaverse ที่จะนำผู้ชมไปสู่โลกเสมือนจริงที่ไร้ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถเข้าถึงและชื่นชมงานศิลปะได้อย่างไร้ขีดจำกัดสำหรับผลงานไฮไลต์ของประเทศภูฏาน เป็นภาพผลงาน “วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป The way of life that has changed” โดย วราศิณี ไชยมงคล ศิลปินไทย นำเสนอเกี่ยวกับสัตว์น้ำหิมพานต์ที่ว่ายหนีขยะที่อยู่ในน้ำที่สื่อถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน โดยแบ่งภาพออกเป็น 2 ฝั่ง อยู่ฝั่งจะเป็นน้ำที่อัดแน่นไปด้วยขยะ อีกฝั่งจะเป็นสัตว์หิมพานต์ที่ว่ายอยู่กับปลาในปัจจุบันให้รู้สึกว่ามันอยู่ร่วมกันได้ โดยเทคนิคที่ใช้จะเป็น สีน้ำบนกระดาษ, ผลงาน “Nightmare” โดย ยุวันดา สิงห์ฆาฬะ ศิลปินไทย นำเสนอมุมมองของศิลปินที่อยากตอกย้ำความสุขของช่วงชีวิตในวัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น เป็นการตอกย้ำความสุขในวัยเด็กจะไม่มีวันย้อนกลับมา, ภาพผลงาน “ปีกที่โบกสะบัดของนกกระยางท้องขาว” โดย Jigme Yangchen Gama ศิลปินภูฏาน ภาพวาดสีอะคริลิกที่เล่าเรื่องนกกระยางท้องขาวเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของนกที่หายากที่สุดในโลก โดยคาดว่ามีประชากรนกกระยางท้องขาวประมาณ 60 ตัว เชื่อว่ามีประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรนกกระยางท้องขาวอาศัยอยู่ที่ประเทศภูฏาน อย่างไรก็ตาม กิจกรรมต่างๆ ด้านการพัฒนการการทางอุตสาหกรรมทำให้ประชากรของนกลดน้อยลงจากที่อยู่ทางธรรมชาติของพวกมัน ทำให้เกิดการคุกคามที่สำคัญต่อการรอดชีวิตของนกกระยางท้องขาว และสำหรับผลงานไฮไลต์ของประเทศไทยเป็นภาพผลงาน “ฝันดีนะเจ้าตัวเล็ก” โดย ด.ญ. อารีวรรณ ยางนอก ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง รุ่นเด็ก นำเสนอแนวคิดแม่มีความสุขและตื่นเต้นที่สุดที่จะเจอลูก ฝันดีนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้จ้า, และภาพผลงาน “การผจญภัยในเมืองหลวง” โดยนายธนา จิตรการนทีกิจ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญเงิน(รองชนะเลิศ) รุ่นเยาวชน นำเสนอการสะท้อนความวุ่นวายของชีวิตคนเมืองในยุคใหม่ ผ่านภาพแอบสแตร็กต์สีสันสดใสที่ผสมความตลกร้ายและเสียดสี สื่อถึงความไม่เป็นระเบียบที่กลายเป็นเรื่องปกติ พร้อมกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามต่อสิ่งที่มองข้ามในชีวิตประจำวันขอเชิญผู้ที่สนใจในศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ได้ที่นิทรรศการ “White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย” เปิดให้ชมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันนี้ – 31 มกราคมนี้ ณ บริเวณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-011-7500 หรือ Facebook : Siam Takashimayaแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/business/detail/9680000004631

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X