Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/05/2024
ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ เตรียมจัดงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” เพื่อร่วมฉลอง Pride Month กับทั่วโลก เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในหัวหิน โดยมุ่งเปิดกว้างแก่คนทุกเพศทุกกลุ่ม ตลอดเดือนตั้งแต่ 1-30 มิถุนายน 67ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เตรียมจัดงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” ครั้งแรกของเมืองหัวหินอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ เพราะกิจกรรมเฉลิมฉลองเดือนแห่ง Pride ที่ถือเป็นการเปิดฤดูกาลส่วนหนึ่งในงาน Pride ของประเทศไทย พร้อมกับ Pride Month ทั่วโลกบลูพอร์ตหัวหิน ในฐานะที่เป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองหัวหิน จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความเท่าเทียมสำหรับทุกคน ทำให้เกิดการยอมรับในสังคมโดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ และเพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใน บลูพอร์ต อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวหัวหินให้เป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับนักท่องเที่ยว LGBTQ+ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในเมืองหัวหินเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศให้ได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบันน.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด กล่าวว่า ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ในระดับนานาชาติทั่วโลก ยกให้เป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ Pride Month และเมืองหัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล เป็นเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการมาพักผ่อนตากอากาศ มีชายทะเลที่สวยงาม ร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย และยังเป็นเมืองที่ได้รวบรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ในแต่ละปีมีผู้คนมากมาย ล้วนเดินทางมาเยี่ยมเยือน บลูพอร์ตหัวหิน จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและทำให้คนได้รู้จักหัวหินในมุมมองต่างๆ มากยิ่งขึ้นกรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด กล่าวด้วยว่า งานครั้งนี้ยังเป็นการเปิดกว้างในเรื่องของการท่องเที่ยวให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกรุ่น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม พร้อมที่จะเป็นสถานที่ที่โอบรับทุกคนจากทั่วโลกที่มีความหลายหลาก ด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม สร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก สร้างความประทับใจ และเผยแพร่วัฒนธรรมพร้อมสร้างสีสันแห่งความสุขมอบให้แก่ทุกคนที่มาเยือน พร้อมทั้งผลักดันให้หัวหิน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว Top LGBTQ+ Friendly Destination ต่อไปตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 พบกับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ Art of Pride และ People of Pride โดยศิลปินหลากหลายแขนงจากทั่วประเทศ ที่ลานเอเทรียม ชั้น G, วันที่ 8 มิถุนายน พิธีเปิดงานนิทรรศการ Pride Art ด้วยความร่วมมือจากองค์กร และศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาและศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาพูดคุยกับศิลปินชื่อดังจากหมู่บ้านศิลปินหัวหิน ความงามที่หลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ และถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะที่นำมาจัดแสดง พร้อมชมแฟชั่นโชว์ โดยผลงานการออกแบบจากนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตสำหรับในวันที่ 29 มิถุนายน พบกับไฮไลต์สุดพิเศษ BLUPORT PRIDE PARADE 2024 ขบวนพาเหรด LGBTQIAN+ ครั้งแรกในเมืองหัวหิน จากหลากหลายองค์กร หลากหลายกลุ่มคนที่มาร่วมเฉลิมฉลองกับเทศกาล Pride Month พร้อมทั้งขบวนคาราวานรถคลาสสิก จากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จากหอนาฬิกาหัวหิน มุ่งหน้าสู่ลานเดอะสแควร์ ด้านหน้าบลูพอร์ตหัวหินในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาร่วมดื่มด่ำเฉลิมฉลองกับบรรยากาศสุดพิเศษที่บลูพอร์ตหัวหิน นำมามอบให้กับทุกท่านในงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” พร้อมด้วยสีสันความสนุกของกิจกรรมต่างๆ และแคมเปญส่วนลดพิเศษกับโปรโมชัน Mid-Year Sale ช้อปทำถึง เพื่อร่วมฉลอง Pride Month ไปด้วยกันกับสีสันแห่งความสนุกสุดมันส์ยาวตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนี้ที่บลูพอร์ตหัวหิน.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/localbusiness/2789046
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/05/2024
แจกพิกัด 5 สวนสาธารณะ Pet Friendly วันหยุดนี้พาเหล่าเจ้านายไปวิ่งเล่นกันเถอะหากใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในวันหยุด แต่ไม่อยากไปไหนไกล หรือห่างจากเจ้านาย (น้องหมา ,น้องแมว) วันนี้เรามีสวนสาธารณะที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากทุกคนกัน รับรองว่าครบที่สุดสำหรับไลฟ์สไตล์คนรักสัตว์ ให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้พักผ่อนบนผืนหญ้าอันกว้างใหญ่ พร้อมทั้งเดินเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวใครว่า จะมีที่ไหนกันบ้างนั้น ตามเรามาดูกันเลย1. สวนเบญจกิติเริ่มกันที่ สวนสาธารณะ Pet Friendly ที่แรก สวนเบญจกิติ สวนสาธารณะใจกลางกรุงที่เปิดพื้นที่ Dog Park ให้เหล่าน้องๆ แก๊งสี่ขา เข้ามาภายในสวนสาธารณะได้ (เพิ่งเปิดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา) โดยมีข้อปฏิบัติที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะต้องใช้สายจูงทุกครั้งที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามา , ต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงต้องลงทะเบียนการใช้บริการสวนสาธารณะสำหรับสุนัขก่อนเข้าใช้บริการ และสวนแห่งนี้ยังมีจุดให้น้ำ, ตู้ฉุกเฉิน และ Dog Toilet ให้บริการ แต่เจ้าของต้องนำถุงอึมาเองน้า • พิกัด : goo.gl/maps/iEe3j8ypiuooKXWM8 • เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.2. สวนวัชราภิรมย์ ( BMA DOG PARK ) รามอินทรา เขตบางเขนสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย (และในกรุงเทพฯ) ที่ได้จัดพื้นที่ให้มี Dog Park ที่แห่งนี้อยู่ใต้ทางพิเศษและทางแยกต่างระดับวัชรพล ถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่เหมาะแก่การพาสัตว์เลี้ยงมามาก ภายในสวนสาธารณะจะมีลานออกกำลังกายสำหรับสุนัขพันธุ์ เล็ก – ใหญ่ และมีจุดปล่อยสายจูงให้น้องได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ อีกทั้งยังมีจุดให้น้ำ จุดล้างตัว นอกจากนี้ยังมีถุงเก็บอึให้บริการด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนเข้าใช้บริการต้องลงทะเบียนสุนัขกันก่อนนะ • พิกัด : goo.gl/maps/qiAkpJGUH7QPZrBR6 • เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 07.00 – 20.00 น.3. สวนสาธารณะบึงหนองบอน เขตประเวศสวนสาธาณะบึงหนองบอน หรือ ศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน สถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับสวนหลวง ร.9 ภายในสวนสาธารณะต้องบอกเลยว่ามีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ทั้งกีฬาทางน้ำ ฟิตเนสที่นี่ก็มีให้พร้อมเลย อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้เราพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้ด้วยนะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ต้องลงทะเบียนก่อนเข้าใช้บริการ แต่ก็ต้องใช้สายจูงสุนัข และช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย • พิกัด : goo.gl/maps/CVWDRTGCX9a3RZ3cA • เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.4. สวนเทียนทะเลพฤกษาพัฒนาภิรมย์ เขตบางขุนเทียนมาถึงฝั่งธนบุรีกันบ้าง โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อยู่บนถนนบางขุนเทียนชายทะเล เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ที่นี่มีโซน Dog Park สามารถพาสุนัขเข้าได้ แต่ต้องลงทะเบียนสุนัขที่จุดคัดกรองก่อน และเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเป็นสมาชิกสวนฯ ก่อน ข้างในมีพื้นที่ให้เหล่าเจ้านายทำกิจกรรมเยอะมาก ทั้งโซนฝึกสุนัข พื้นที่ทางเดินสำหรับเดิน-วิ่ง สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ และพื้นที่บริการให้น้ำสุนัข โดยจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลและคัดกรองสุนัขด้วย • พิกัด : goo.gl/maps/Lzuvf3kY7vQ2LfHU6 • เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.5. สวนสาธารณะบางแคภิรมย์ปิดท้ายกันที่สวนสาธารณะบางแคภิรมย์ หรือสวนสาธารณะสำหรับสุนัข แห่งที่ 2 ของกรุงเทพ สวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 69 ที่มีพื้นที่สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ภายในประกอบไปด้วยพื้นที่คัดกรองสุนัข ทางเดิน – วิ่ง สำหรับจูงสุนัข พร้อมกับมีจุดให้น้ำสุนัขเพื่ออำนวยความสะดวก นับว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่คนรักสุนัขย่านฝั่งธนต้องมากันเลย • พิกัด : goo.gl/maps/qMM4FpLwSirxhKSs6 • เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.และทั้งหมดนี้ก็เป็นสถานที่ ที่เรานำมาแนะนำกัน หากใครที่จะพาสัตว์เลี้ยงของตนไปเที่ยว ก็อย่าลืมเช็กสุขภาพร่างกายของเหล่าเจ้านายของตัวเองด้วยนะ อีกหนึ่งอย่างเลยก็คืออย่าลืมพกอุปกรณ์ที่เพิ่มความปลอดภัยให้เหล่าเจ้านาย รวมถึงบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นรถเข็น ปลอกคอ สายจูง และ อุปกรณ์อื่น ๆที่สำคัญ! ต้องรักษาความสะอาด ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้นๆอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้าง และหมา-แมวตัวอื่นที่มาใช้บริการ หากใครอยู่ใกล้สวนสาธารณะแถวไหน ก็ไปตามพิกัดที่เราบอกได้เลยน้าาขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก thaipost tatcontactcenter matichon thairath salehere punproแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1444075/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
28/05/2024
• สุธี คุณาวิชยานนท์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2508 กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาทัศนศิลป์ เอกภาพพิมพ์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และปริญญาโท สาขาทัศนศิลป์จาก Sydney College of the Arts, the University of Sydney ออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร • แนวผลงานที่สร้างชื่อเสียง ล้วนเป็นงานศิลปะที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เช่น การบริจาคลมหายใจต่ออายุให้แก่ประติมากรรมยางรูปคน ช้าง ควาย และเสือ กิจกรรมทางศิลปะที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนในการ ‘เขียน’ ‘พิมพ์’ และ ‘เป็นเจ้าของ’ ประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ในผลงานชุด ‘ห้องเรียนประวัติศาสตร์’ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 • “พราง” เป็นผลงานล่าสุดที่จะนำผู้ชมย้อนกลับไปทบทวนบรรยากาศของสงครามเย็นครั้งแรกที่เริ่มขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตรวจสอบสงครามเย็นครั้งที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ผ่านแผนที่ในรูปลายพรางที่สะท้อนความตึงเครียดทางด้านทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนการซ่อนเร้นอำพรางในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมพราง : CONCEAL เป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปะสื่อผสมของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินและศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ ม.ศิลปากร ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม – 19 มิถุนายน 2567 โดยมี ชลิต นาคพะวัน รับหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ชลิต นาคพะวัน ภัณฑารักษ์ นิทรรศการพราง : CONCEALชลิต กล่าวว่า ‘พราง’ เป็นนิทรรศการที่มีเนื้อสอดคล้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย หากยังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลก อันส่งผลกระทบโยงใยถึงกันไปหมด“ผลงานของศิลปิน สะท้อนถึงความคลุมเครือที่ชัดเจน ผ่านลวดลายพรางที่มาจากเครื่องแบบของทหาร นำเสนอผ่านแผนที่ประเทศไทยและแผนที่โลกในรูปแบบใหม่ที่ชวนให้ผู้ชมฉุกคิด ตีความ ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีทั้งสงครามทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ รวมไปถึงความคิดที่แตกต่าง ตลอดจนจุดยืนบนเวทีโลกของไทยบนความขัดแย้ง ความคลุมเครือที่ไม่ชัดเจนในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเราต้องการนำเสนอผลงานศิลปะที่มีความลึกซึ้ง ชวนคิดเป็นอาหารสมองที่สร้างสรรค์ประเทืองปัญญา ได้ทั้งสุนทรียะและประเด็นให้ขบคิดไปพร้อมกัน”(จากซ้าย) ผลงานไทยประดิษฐ์,2557 ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2,2566 และแผ่นดินแม่ ,2557นิทรรศการ ‘พราง’ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 1 ห้องใหญ่และอีก 2 ห้องเล็ก สุธี นำเราไปที่ห้องเล็กอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแผนที่ประเทศไทย ภายในห้องนี้จัดแสดผลงาน 3 ชิ้น ได้แก่ ไทยประดิษฐ์,2557 แผ่นดินแม่ ,2557 และ ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2, 2566รายละเอียดในแผนที่ไทยประดิษฐ์“เริ่มทำแผนที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2555 ในช่วงแรกเป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ไทยประดิษฐ์ เป็นผลงานภาพพิมพ์จากแม่พิมพ์โลหะ ทำขึ้นเมื่อปี 2557 ภายในแผนที่ประเทศไทย ประกอบไปด้วยมรดกจาก ‘ยุคสร้างชาติไทยใหม่’ หลายอย่างทั้งการปฏิวัติไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ เปลี่ยนชื่อประเทศ เปลี่ยนเพลงชาติ ประดิษฐ์สร้างประเพณีและธรรมเนียมใหม่ ๆ ยกเลิกจารีตเก่า ๆ และเป็นยุคบุกเบิกของการนำสื่อสมัยใหม่มารับใช้รัฐในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร อาทิ เพลง ละคร วรรณกรรมและรายการวิทยุปลุกใจ สื่อสิ่งพิมพ์ช่วยประโคมข่าว งานออกแบบกราฟิก ภาพวาด ประติมากรรม และอนุสาวรีย์ ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้รัฐและผู้นำส่วน แผ่นดินแม่ แสดงภาพแผนที่กลับด้านหรือคว่ำหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงปี 2553 จนถึงปีที่สร้างงาน คือ 2557 ประเทศไทยในแบบเดิมถูกท้าทายจากฝ่ายเสื้อแดง” ศิลปินกล่าวถึงที่มาของผลงานแผนที่ประเทศไทยที่พัฒนาไปสู่แผนที่ประเทศไทยลายพราง ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 2566 – 2567“ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2 ผลงานชิ้นนี้แสดงภาพแผนที่ประเทศไทยที่ล้อมรอบไปด้วยประเทศเพื่อนบ้าน เป็นองค์ประกอบที่คนไทยเราคุ้นเคยกันแต่คนต่างชาติหลายคนที่เข้ามาดูแล้วเขาดูไม่ออกว่าเป็นตรงไหนเป็นแผนที่ของประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา หรือ มาเลเซียลายพรางในที่นี้จึงทำงานทั้งในมิติของการพรางที่มองเห็นไม่ชัดเจน รวมไปถึงพรางในมิติของสงครามเย็นที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาที่ประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจ นั่นคือ ขั้วทุนนิยม เสรีประชาธิปไตย กับขั้วสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ โดยที่ไทยเข้าร่วมกับฝ่ายทุนนิยม เสรีประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐอเมริกา”สุธี คุณาวิชยานนท์ กับแผนที่ประเทศไทยลายพราง จาก ERDL Patternด้วยเหตุนี้ศิลปินจึงนำ ‘ลายพราง’ ERDL Pattern สำหรับชุดทหารที่สหรัฐอเมริกาออกแบบและนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามเวียดนาม โดยต่อมาทางการทหารอเมริกันได้มอบให้แก่ทหารไทย มาใช้เป็นสื่อในงานศิลปะ“ลายพราง ชื่อ ERDL Pattern ยังใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน ที่เพิ่มเติมคือ ลายพรางของทหารได้แพร่หลายออกจากกรมกองมาสู่สตรีทแฟชั่น เสื้อผ้าลายพรางมีขายกันตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงตลาดไฮเอนด์ ทุกวันที่ออกจากบ้านเราจะเห็นคนใส่ลายพราง ถ้าไม่ใช่เสื้อก็จะเป็นกางเกง ERDL Pattern ถือได้ว่าเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกัน ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก”จากแผนที่ประเทศไทยลายพราง ศิลปินพาเราย้อนกลับมาชมผลงานในห้องจัดแสดงหลักที่ประกอบไปด้วยแผนที่ประเทศไทยลายพรางหลากสี ได้แก่ ส้ม เหลือง แดง และเขียว“เป็นผลงานที่ตั้งคำถามว่า คุณอยากจะได้ประเทศไทยสีอะไร ?” (จากซ้าย) ผลงานประเทศไทยลายพรางสีส้ม ประเทศไทยลายพรางสีเหลือง ประเทศไทยลายพรางสีแดง ประเทศไทยลายอีอาร์ดีแอล (สงครามเย็น) และ ระเบียบโลกใหม่ศิลปินตั้งคำถาม โดยการเขียนแผนที่ลายพรางหลากหลายสี ที่มีทั้งการทับซ้อน พรางตา คลุมเครือ บ้างก็เปิดเผย และบ้างก็แอบแฝงอย่างมิดชิด สะท้อนยุทธวิธีการต่อสู้ทางแนวคิดที่มีทั้งการหลบซ่อนรอซุ่มโจมตี และรอเวลาเพื่อแย่งชิงพื้นที่ให้เป็นของตนจากสถานการณ์ในบ้านเรา ศิลปินพาเราออกไปมองความขัดแย้งในระดับโลกผ่านแผนที่โลกลายพรางที่ไม่เพียงแสดงขอบเขตที่คลุมเครือด้วยแพทเทิร์นลายพรางแล้ว ศิลปินยังเปลี่ยนตำแหน่งของแผนที่แต่ละประเทศในโลกให้กระจัดกระจายออกไปในผลงานที่มีชื่อว่า ระเบียบโลกใหม่,2567ผลงาน ระเบียบโลกใหม่, 2567“แผนที่โลกในรูปของลายพรางทางการทหาร แสดงถึงสภาวะตึงเครียดทางการเมืองและการทหารระหว่าง 2 ขั้วตรงข้ามในทางภูมิรัฐศาสตร์ นั่นคือ ระหว่างขั้วที่นำโดย จีนและรัสเซีย กับ สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในตะวันตกผลงานชื่อ ระเบียบโลกใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ เต็มไปด้วยความอลหม่าน วุ่นวาย รุนแรง เป็นการนำแผนที่ของประเทศต่างๆที่เป็นทั้งพันธมิตรและคู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจการค้า ตลอดจนคู่สงครามระหว่าง 2 ขั้วมาจัดวางตำแหน่งใหม่ สะท้อนสภาวะการตึงเครียดของโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้” สุธีอธิบายถึงที่มาและความคิดในการสร้างผลงาน “ระเบียบโลกใหม่” ก่อนพามาถึงนิทรรศการในห้องสุดท้ายห้องจัดแสดงแม่พิมพ์ลายที่แยกออกมาจากลายพราง ERDL Patternในพื้นที่เล็กๆ นี้จัดแสดงแม่พิมพ์พลาสติกที่แกะลายมาจาก ‘ลายพราง’ ERDL Pattern ที่ชวนให้คิดถึงรูปร่างของแผนที่ พื้นที่ของภูเขา แม่น้ำ ซึ่งเมื่อมารวมกันแล้วกลายเป็นลายพรางในเครื่องแบบทหารที่ช่วยในการอำพราง ซ่อนเร้น ดักรอโอกาสในการโจมตี“ลายพราง เวลาที่อยู่ในป่ามันกลมกลืนไปกับธรรมชาตินะ แต่พอมาอยู่ในเมืองมันกลับเป็นลายที่โดดเด่นกลายเป็นแฟชั่นที่สะดุดตาเลยทีเดียวในนิทรรศการ ‘พราง’ จึงมีทั้งความพรางที่มองเห็นได้ชัดเจน ในความชัดเจนก็แอบแฝงไปด้วยอันตราย ในขณะเดียวกันความพรางที่แสดงความไม่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญานของการอยู่รอด ความพยายามในการรักษาสมดุล ตลอดจนผลประโยชน์ที่ได้รับ‘พราง’ จึงมีทั้งความชัดเจนในความไม่ชัดเจน และความไม่ชัดเจนที่แอบแฝงอยู่ และ เป็นสิ่งที่เราอยากชวนให้ผู้ชมสนุกไปกับการฉุกคิดและตีความไปกับผลงานในนิทรรศการชุดนี้”ภาพ : ละลานตา ไฟน์อาร์ตนิทรรศการ ‘พราง’ โดย สุธี คุณาวิชยานนท์ จัดแสดงระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม ถึง 19 มิถุนายน 2567 • ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 22 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ • อังคาร - เสาร์ เวลา 10.00 น. - 19.00 น.โทร. 0 2050 7882แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1128504
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
28/05/2024
ชวนคุณมาทำความรู้จัก “ซานโต โดมิงโก" หรือ ซันโต โดมิงโก (Santo Domingo) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งมีพื้นที่อนุรักษ์ได้รับสถานะมรดกโลก ยูเนสโกภาพ: สำนักข่าวซินหัวเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นมหานครที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวาอีกแห่งในภูมิภาคแคริบเบียน ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรมโดมินิกัน ที่ซึ่งทั้งความดั้งเดิมและความทันสมัยมาบรรจบกันอย่างลงตัว ตั้งแต่อาคารสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เก่าแก่หลายศตวรรษ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หอศิลป์ สถานบันเทิงแสงสียามค่ำคืน และแหล่งอาหารการกินที่คึกคักการสำรวจเมืองยุคโคโลเนียล (Colonial City of Santo Domingo) ซึ่งเป็นชุมชนชาวยุโรปแห่งแรกในทวีปอเมริกา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1990 ถือเป็นประสบการณ์ที่แนะนำสำหรับนักเดินทางผู้มาเยือนPhoto: GoDominicanRepublicย่านประวัติศาสตร์ของเมืองนั้นประกอบด้วยเขาวงกตของอาคารบ้านเรือนที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้า ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมจากศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 นำไปสู่อาคารยุคอาณานิคมที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแนะนำให้ขึ้นรถไฟ “Chu Chu Colonial” เพื่อทัวร์ชมพื้นที่เป็นเวลา 45 นาที จ้างไกด์ที่จะพาคุณเดินไปตามถนนลาดยางสายแรก หรือเช่าจักรยานสลับไปกับการเดินเตร่ด้วยตัวเอง โดยหากต้องการพักผ่อนตามธรรมชาติ ปิกนิกบนสนามหญ้า แนะนำให้ไปสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแคริบเบียน หรือเดินเล่นไปตามถนน Malecón ยามพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชมวิวทะเล หาของว่างริมถนนกิน และชมวิถีชีวิตผู้คนPhoto: GoDominicanRepublicนอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมหลากหลายของซานโต โดมิงโก คือ การเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าสุดพิเศษแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือที่แกลเลอรีช่างฝีมือในโคโลเนียลซิตี้ เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าชาคาบานาผ้าลินิน กระเป๋าถือหนัง หรือตุ๊กตาไร้หน้าเซรามิก รับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ที่โรงแรมแบรนด์ต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งเชฟชื่อดังจะสร้างสรรค์อาหารโดมินิกันและอาหารนานาชาติที่แปลกใหม่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวผ่อนคลายกับปูโรโดมินิกันที่ร้านอาหารบนระเบียงแบบเปิดโล่งที่มองเห็น Plaza de España หรือสังสรรค์ที่เลานจ์บนชั้นดาดฟ้าบนถนน Gustavo Mejía Ricart Avenue และเมื่อพร้อมที่จะไปชายหาด ก็นั่งรถเพียง 40 นาทีก็จะถึงหาดทรายสีขาวนุ่มของ Boca Chica ซึ่งมีร้านอาหารทะเลและความบันเทิงรออยู่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวการเดินทางไปเมืองหลวงโดมินิกัน มีศูนย์กลางที่สนามบินนานาชาติ Las Américas (SDQ) หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามบิน José Francisco Peña Gómez ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงซานโตโดมิงโกเพียง 30 นาทีภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000045554
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
28/05/2024
นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต, นางสาวธีรนุช ทำนุพันธุ์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ตัวแทนและบริหารสำนักงานตัวแทน, นายกฤษณ์ อัตตะสาระ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 5, นางสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย, นางสาวศศิรัตน์ กิตติจูงจิต (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, นายมนต์ชัย บุณยรัตพันธุ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 1 และนายศุภวัฒน์ โฆวัชรกุล (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ช่องทางตัวแทนกรุงเทพฯ 28 พฤษภาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA CI Kick Off 2024 เดินหน้าส่งมอบความคุ้มครองโรคร้ายแรงเพื่อเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโรคที่ไม่อาจคาดคิดให้กับคนไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังและยกระดับความเป็นมืออาชีพให้กับตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ผ่านการฝึกอบรมเสริมความรู้และความสามารถในด้านการวางแผนประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีความคุ้มครองที่เพียงพอและครอบคลุม นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้มอบคุณวุฒิให้กับตัวแทนประกันชีวิตที่ผ่านมาตรฐานการทำงาน เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความเชี่ยวชาญในการวางแผนความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคร้ายแรงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกอายุ เพราะปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพคนไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนไทยมีการวางแผน และสร้างความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เพียงพอ เอไอเอ ประเทศไทย ได้พัฒนาแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อช่วยสร้างความคุ้มครองในกรณีมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AIA CI ProCare แบบประกันหลักที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงตลอดชีพ AIA Multi-Pay CI Plus แบบประกันที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงแบบ เจอ-จ่าย-หลายจบ ครบถึงการดูแล AIA CI Plus สัญญาเพิ่มเติมที่ให้ทั้งความคุ้มครอง 44 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง และความคุ้มครองการเสียชีวิต 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ด้วยเบี้ยประกันราคาประหยัด หรือ AIA Health Cancer ที่ให้ค่าชดเชยรายวันหากต้องนอนโรงพยาบาล และรับเงินก้อนใหญ่กรณีเสียชีวิตเนื่องจากโรคร้ายแรง รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกมากมาย “ยิ่งไปกว่านั้น เอไอเอ ประเทศไทย ยังมีการผลักดันและสนับสนุนตัวแทนประกันชีวิตของเราอย่างต่อเนื่อง ในการช่วยออกไปมอบความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า อีกทั้งเรายังมุ่งสนับสนุนให้ลูกค้ามีทุนเอาประกันภัยโรคร้ายแรงอย่างน้อย 3 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้รับการรักษาที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้ในช่วงเวลาที่ต้องรักษาตัวจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ผ่านการวางแผนอย่างมืออาชีพของตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ประเทศไทย”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
27/05/2024
ถ้าคุณท่องโลกโซเชียลในช่วงนี้ คุณอาจเห็นคำ ๆ หนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาบ่อย ๆ คำ ๆ นั้นก็คือ “Bias” ที่แปลว่าอคติ หรือก็คือความลำเอียง ที่ใจของเราเทไปในทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป แบบที่ไม่ได้ใช้เหตุผลเข้ามากำกับ แต่ใจมันชอบล้วน ๆ หรือบางทีก็อาจมองสิ่งนั้นในแง่ลบมากจนเกินไป 3 อคติ หลุมพลางแห่งความคิด และจิตใจตามกลไกสมองวันนี้เราจะมาตีแผ่เรื่องที่มีกลิ่นอายความขมของดาร์กไซด์เข้ามาปะปนนิด ๆ เรื่องไหนที่ใจเรามักเผลอคิด “อคติ” ไปแบบไม่รู้ตัว1. Blind Spot Bias คนอื่นล้วนมีแต่อคติต่อฉัน! เป็นหลุมพรางที่มองว่าตัวเราไม่ได้มีอคติต่อคนอื่นนะ แต่คนอื่นต่างหากที่มักจะมีอคติต่อตัวเรา! ซึ่งจะทำให้เป็นการปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น ไม่นำสิ่งที่เขาคอมเมนต์มาคิดวิเคราะห์ต่อยอด ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณพลาดอะไรไปก็ได้ และยังเป็นการมองตัวเองในแง่ดี “มากจนเกินไป” ด้วย2. Fundamental Attribution Error ความผิดเขาเท่าภูเขา ความผิดเราเท่าเส้นผมเป็นอคติที่มีความลำเอียงแบบสุด ๆ เลย คนที่มีอคติประเภทนี้ มักมองว่าปัญหาที่คนอื่นก่อขึ้นมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก (ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คุณคิดก็ตาม) ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ก็มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลมาเสริมเสมอ3. Stereotypical Bias เหมารวมไปเลยเป็นหนึ่งในอคติที่พบมากที่สุด เป็นการเหมารวมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เช่น เจอผู้ชายเจ้าชู้ก็เหมารวมว่า ผู้ชายจะต้องเจ้าชู้เหมือนกันหมดทั้งโลก หรือตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ดีมีความรักความอบอุ่น ก็เหมารวมว่าทุกครอบครัวจะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ยอมรับความทุกข์ของผู้อื่น เราทุกคนสามารถเป็นคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้างมากขึ้นได้ ขอเพียงแค่ไม่ได้มองแค่มุมตัวเราเพียงฝ่ายเดียว แต่ลอง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นเรา เราจะรู้สึกยังไงในสถานการณ์นั้น และพยายามทำใจให้กว้าง มองโลกในหลายแง่มุมทำความเข้าใจว่าชีวิตของแต่ละคนนั้น “ไม่เหมือนกัน” สุดท้าย คุณจะเป็นคนที่เข้าใจโลกได้มากขึ้น ได้พัฒนาความคิดของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แล้วคุณจะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartaihttps://www.beartai.com/life/1375140
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
27/05/2024
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันหรือธนาคารพาณิชย์ ต่างได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของตนเอง“ประกันควบการลงทุน” คือ แบบประกันที่ควบรวมความคุ้มครองและโอกาสในการบริหารผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัย (Premium Charge) ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Administration Fee) ค่าการประกันภัย (Cost of Insurance) ที่คำนวณจากอัตราค่าการประกันภัยของจำนวนเงินเสี่ยงภัยสุทธิ และอัตราค่าการประกันภัยเพิ่มเนื่องจากสุขภาพ ซึ่งอัตราค่าการประกันภัยจะขึ้นอยู่กับอายุและเพศ โดยจะนำเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายจัดสรรลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง“ประกันควบการลงทุน” มีหลายรูปแบบ แตกต่างกันตามวิธีชำระเบี้ย • การจ่ายชำระเบี้ยครั้งเดียวด้วยเงินก้อน (Single Premium) • การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดรายปี (Regular Premium) • การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดแบบมีระยะเวลากำหนดเมื่อ “ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและถูกนิยมนำมาใช้ในการวางแผนส่งต่อมรดก ซึ่งเงินได้จากการประกันภัยโดยปกติจะเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร “เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในขณะหรือภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต” จึงเป็นที่ถกเกียงและเกิดคำถามว่า “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) จะต้องเสียภาษีมรดกไหม“ภาษีมรดก” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยมีหลักการในการจัดเก็บภาษีมรดก บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษีจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว รวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดกเฉพาะส่วน ที่เกิน 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% หรือ 5% หากผู้ได้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก“ทรัพย์มรดก” ที่ต้องเสียภาษีมรดก มีทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้ • อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน • หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม • เงินฝากหรือเงินอื่นใดมีลักษณะอย่างเดียวกัน • ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ • ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา“กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิตและลงทุนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม โดยผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงิน โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ - ค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามข้างต้น- เงินลงทุนในหน่วยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะเป็นตัวกลางระหว่างผู้เอาประกันภัยกับกองทุนรวม“ลักษณะของ ‘กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน’ (Unit Linked) จะมีเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ เงินซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย และ เงินได้ซึ่งเกิดจากหน่วยลงทุนที่ผู้เอาประกันภัยเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริษัทประกันกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทประกันมีหน้าที่ต้องขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย”หากตีความในประเด็น “ภาษีมรดก” เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ ตามมูลค่าที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ เป็นเงินส่วนที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก เพราะเป็นเงินที่เกิดขึ้นภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินส่วนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมบริษัทจะทำการขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องเสียภาษีมรดก เพราะหน่วยลงทุนตามกรมธรรม์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เอาประกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเงินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตหากจะนำ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” มาใช้ใน “การวางแผนภาษี” จะต้องพึงระวังไว้ว่าในส่วนของเงินที่เกิดจากการลงทุนในหน่วยลงทุน จะถือเป็น “มรดก” ที่เข้าข่ายจะต้อง “เสียภาษีมรดก” ตามกฎหมาย แทนที่จะวางแผนเพื่อจัดการภาษี อาจจะทำให้เกิดภาษีมรดกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย “ประกันควบการลงทุน” จึงเป็นประกันประเภทที่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้วางแผนภาษีมรดกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22411
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
27/05/2024
CJ WORX (ซีเจเวิร์ค) จับมือ “Mackcha” (แม็กชา) ศิลปินไทยชื่อดังเจ้าของคาแรกเตอร์ “Chalotte” (ชาล็อต) ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ครีเอท Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ “Chalotte 2in1” ให้เป็นอาร์ตคาแรกเตอร์ 2 ร่างในตัวเดียว สะท้อนความสดใสและความมั่นใจที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่ พร้อมจัดแสดงโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1สร้างสีสันให้กับวงการ Art Character อีกครั้ง เมื่อ CJ WORX เอเจนซีสัญชาติไทยผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาและการตลาดระดับนานาชาติ ได้ร่วมมือกับ Mackcha เจ้าของผลงาน “Chalotte” สุดไฮป์ที่กำลังมาแรงในไทยตอนนี้ สร้างสรรค์ผลงานคอลแลบเป็น Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ของน้อง Chalotte ภายใต้ชื่อ “Chalotte 2in1” ซึ่งอยู่ในแคมเปญโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ Head & Shoulders 2in1 จาก P&G โดยได้นำเอาจุดเด่นของโปรดักท์ ซึ่งเป็นแชมพูขจัดรังแคผสมครีมนวดผมในขวดเดียวกัน สู่แนวคิดของการครีเอทอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ครั้งนี้ โดยผลงานสุดอาร์ต “Chalotte 2in1” มีสองร่างรวมกันในตัวเดียว เพื่อสื่อถึงความเป็น แชมพู + ครีมนวดผมในขวดเดียวแบบไม่ต้องเลือก รวมถึงสะท้อน “ความสดใส” (สีชมพู) และ “ความมั่นใจ” (สีฟ้า) ที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่อีกด้วยจากสตอรี่คาแรกเตอร์ Chalotte เธอคือเด็กหญิงที่มาจากท้องทะเล กับภาพจำอย่างโทนสีน้ำเงินและใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เป็นตัวแทนของคนที่สับสนและไม่มั่นใจที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่อยู่มาวันนึง Chalotte ก็อยากเปลี่ยนตัวเองให้มั่นใจกว่าเดิม เพื่อออกมาสู่โลกภายนอก เลยแบ่งตัวเองให้เป็นสองร่างขึ้นมา คือร่างสดใสสีชมพู และร่างมั่นใจสีฟ้า แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ว่าจะเอาร่างไหน ก็เลยรวมเป็น Chalotte 2in1 ที่มี “2ร่างในตัวเดียว” นั่นเอง เป็น Chalotte เวอร์ชั่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดใสและมั่นใจกว่าเดิมแบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นที่มาของการร่วมมือที่น่าสนใจครั้งนี้“Chalotte 2in1” จะถูกนำไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cjworx.com/แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanook.https://www.sanook.com/travel/1447883/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
27/05/2024
เคยสงสัยไหมว่าระหว่าง นักท่องเที่ยว กับ นักเดินทาง ต่างกันอย่างไร หรืออาจไม่แตกต่างกันเลยตามพจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า นักท่องเที่ยว หมายถึง บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปรกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจ และด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้ ขณะที่นักเดินทาง ก็หมายความว่า นักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันในภาพยนตร์เรื่อง A Tourist's Guide to Love คู่มือรักฉบับนักท่องเที่ยว มีบทสนทนาของชายหนุ่มเวียดนามที่บอกกับสาวชาวอเมริกัน อธิบายคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจเขาบอกให้เธอเก็บคู่มือท่องเที่ยวเข้ากรเป๋า ก่อนบอกว่า "นั่นมันคู่มือนักท่องเที่ยว แต่คุณเป็นนักเดินทาง" หญิงสาวถามกลับ "แล้วมันต่างกันยังงัย" ชายหนุ่มตอบ.."นักท่องเที่ยว อยากหนีจากชีวิตนักเดินทาง อยากสัมผัสชีวิต""แล้วการอยากหนีจากชีวิตเป็นครั้งคราวบ้างมันผิดตรงไหน" หญิงสาวถามกลับอีกครั้ง"เราไม่รู้ว่าชีวิตจะยาวแค่ไหน จะเสียเวลาหนีทำไม ใช้เวลาหาประสบการณ์แทนดีกว่าน่า..." คำตอบจากชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวหมดคำถามไปเลยหนึ่งในฉาก A Tourist's Guide to Love จาก Netflixเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น แต่ไดอาล็อกของตัวละครที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นมักสร้างแรงบันดาลใจให้คนธรรมดากลายเป็นนักเดินทางมานักต่อนักแล้วแล้วคุณล่ะ ชาว Sanook Travel คุณเป็น "นักท่องเที่ยว" หรือ "นักเดินทาง"แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447859/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
23/05/2024
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง (อย่างมาก) สำหรับประเทศไทย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 91.3% ของ GDP ยังอยู่ระดับที่สูงเกินกว่าระดับ “ไม่เกิน 80%” อย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลอยากเห็นค่อนข้างมากดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลนโยบายการเงินอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เลยบอกว่า ถ้าลดดอกเบี้ย จะยิ่งทำให้คนก่อหนี้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นมุมมองที่ “สวนทาง” กับขุนคลังคนใหม่ “คุณพิชัย ชุณหวชิร” ที่บอกว่า ถึงจะลดดอกเบี้ยลง คนก็ไม่มีปัญญาจะก่อหนี้เพิ่มแล้ว แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนภาระ ทำให้คนมีเงินไปใช้หนี้ (เดิม) ได้มากขึ้นต่างหากความคิดเห็นที่ยังแตกต่างดังกล่าว หวังว่าคงได้เคลียร์ใจกันไปบ้างแล้ว จากการนัดคุยกันเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาจากนี้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาสำคัญของประเทศให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพราะเรื่องหนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่ล่าสุด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ให้ข้อมูลว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ หนี้บ้านยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนี้รถยนต์ลดลง 1.5%แต่ที่ “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” กรรมการผู้จัดการเครดิตบูโร บอกว่า น่ากังวลก็คือ หนี้ที่เอาไปใช้ทำธุรกิจกับหนี้ O/D ติดลบ 5.7% และ 5% ตามลำดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ เป็น “หนี้เพื่อการบริโภค” เป็นหลักโดยหนี้รถยนต์แม้การเติบโตจะลดลง แต่พบว่า หนี้เสีย (NPL) กลับเพิ่มขึ้นมากถึง 32% ขณะที่ NPL สินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 18% ส่วน NPL สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12% และ NPL บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.6%เมื่อดูไส้ในแล้ว สินเชื่อบ้านมีหนี้ค้างชำระ แต่ยังไม่เป็น NPL (หรือเรียกว่า SM) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ SM ของสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 7% ส่วน SM บัตรเครดิตเพิ่มถึง 32.4%ข้อมูลจากเครดิตบูโรยังสะท้อนด้วยว่า “คน Gen Y” เป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน มากกว่า 50%แปลว่า คน Gen Y หรือคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานของประเทศ กำลังอ่อนล้า บ้านที่เป็น “ปัจจัย 4” กำลังหลุดมือไปต้องบอกว่า น่าเป็นห่วงจริง ๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1567050
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
29/05/2025
30/04/2024
25/12/2024
15/10/2025
15/08/2024