Everyday knowledge for you
ท่องเที่ยว
01/08/2024
ข่าวร้ายของนักปีนเขา เมื่อมีรายงานว่าจังหวัดชิซูโอกะเปิดฤดูกาลพิชิตภูเขาไฟฟูจิไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบผู้เสียชีวิต 3 ศพในเส้นทางสัปดาห์ที่ผ่านมา ภูเขาฟูจิ ฝั่งจังหวัดชิซูโอกะได้เปิดการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการสำหรับฤดูกาลการปีนภูเขาไฟฟูจิ แม้ว่าตามกฎหมายแล้วสามารถเดินขึ้นเขาได้ตลอดทั้งปี แต่นักปีนเขาก็นิยมเดินทางมาชมในช่วงฤดูร้อนตามเวลาเปิดฤดูกาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นช่วงที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างเปิดบริการ และทำให้การเดินขึ้นเขาปลอดภัยยิ่งขึ้นแต่ความปลอดภัยในฤดูร้อนไม่ได้หมายความว่าไม่มีอันตรายใดๆ เพราะภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เปิดเส้นทางอย่างเป็นทางการ ทางการชิซูโอกะ รายงานว่าพบผู้เสียชีวิต 3 รายแล้ววันพุธสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพบศพของชายที่เชื่อว่าอายุราว 70 ปี ใกล้กับส่วนที่สูงที่สุดของภูเขา ซึ่งไม่ได้อยู่บนเส้นทางใดๆ ที่กำหนดไว้ ดูเหมือนว่าร่างของผู้เสียชีวิตตกลงมาจากจุดที่สูงกว่า 5 เมตร ในวันเดียวกันนั้น ก็มีผู้พบศพของชายอีกรายบนเส้นทางโกเท็มบะ ระบุได้ว่าเป็นชาวโตเกียว วัย 77 ปี และในเช้าวันพฤหัสบดี มีผู้พบชายคนหนึ่งหมดสติซึ่งคาดว่าจะอายุ 60 ปี บนเส้นทางฟูจิซัง และต่อมาได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบแน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าสภาพอากาศน่าจะเป็นปัจจัยหลัก เพราะขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ท่ามกลางคลื่นความร้อนที่รุนแรง สัปดาห์ที่แล้วอุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวันที่คาดการณ์ไว้สำหรับชิซูโอกะอยู่ที่ 33.6 องศาเซลเซียส โดยมีฝนตกและฟ้าผ่าด้วยเช่นกัน เงื่อนไขเหล่านี้จึงไม่เอื้อต่อการใช้กำลังกายในทุกระดับความสูง และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยอาจรุนแรงยิ่งขึ้น อุณหภูมิก็ต่ำลงมาก เมื่อยิ่งปีนขึ้นไปจุดสูงขึ้นบนภูเขาไฟฟูจิเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจังหวัดชิซูโอกะขอให้ผู้มาเยือนพิจารณาปัจจัยต่างๆอย่างรอบคอบ เช่น สภาพอากาศ สภาพร่างกายของตนเอง และความสามารถในการเดินป่า ก่อนที่จะพยายามพิชิตยอดเขา โดยโปรดจำไว้ว่าสภาพอากาศสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่คาดคิดสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ สันนิษฐานว่า ชายทั้งสามคนที่เสียชีวิตนั้น เดินขึ้นเขาเพียงลำพัง ดังนั้นควรจัดตารางเวลากับเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันได้ เผื่อในกรณีฉุกเฉินแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000060224
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
01/08/2024
บทความโดย “สมาคมนักวางแผนการเงินไทย”วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 หากเอ่ยถึงคำว่า “หนี้” ก็ถือเป็นดาบสองคมของหลาย ๆ คน โดยด้านหนึ่งเปรียบเสมือนทางลัดที่ช่วยให้เข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการได้เร็วขึ้นที่ไม่ต้องรอเก็บเงินให้ครบทั้งก้อน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แทนที่จะรอเก็บเงินก้อนใหญ่เป็นเวลาหลายปี ก็กู้สินเชื่อบ้านหรือรถ ก็จะช่วยให้มีบ้านหรือได้รถเร็วขึ้น หรือหากต้องการเรียนต่อก็ใช้วิธีกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาก็จะช่วยให้สามารถเรียนต่อได้เร็วขึ้นขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเป็นหนี้แต่บริหารจัดการผิดพลาด อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ ๆ ได้ เช่น จ่ายหนี้ช้าก็มีภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ยิ่งมีหนี้มาก ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงก็กัดกินเงินออม แถมเสียค่าปรับก็ส่งผลเสียต่อเครดิต หรือเกิดความเครียดก็ส่งผลต่อสุขภาพจิต เป็นต้นอย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงเศรษฐกิจดี ๆ การงานมั่นคง เงินทองเข้ามาไม่ขาดมือได้โบนัสทุกปี ภาระหนี้สินที่ก่อเอาไว้ก็ไม่น่าจะกระทบกับเงินในกระเป๋า แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะหากมีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนมากจนเกินไป ย่อมส่งผลต่อสุขภาพการเงินในระยะยาว ดังนั้น ต้องถามตัวเองว่ามีความจำเป็นแค่ไหนในการก่อหนี้การสำรวจว่าตัวเองมีภาระหนี้แต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหน สามารถคำนวณได้จากDSR ย่อมาจาก Debt Service Ratio หมายถึง อัตราส่วนเงินสำหรับใช้ผ่อนชำระหนี้กับรายได้ในแต่ละเดือน ซึ่งตามหลักสุขภาพการเงินที่ดี DSR ไม่ควรเกิน 40%สูตรคำนวณ DSR = (ภาระหนี้ต่อเดือน ÷ รายได้ต่อเดือน) x 100โดยหนี้สินที่นำมาเพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินจะเป็นหนี้สินปัจจุบันต่อเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต ต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนรายได้ที่นำมาคำนวณจะเป็นรายได้ต่อเดือนทั้งหมด เช่น เงินเดือน รายได้พิเศษ เป็นต้นตัวอย่างมีเงินเดือน 50,000 บาท มีหนี้สินต้องผ่อนต่อเดือน ได้แก่ หนี้บ้าน (9,000 บาท), หนี้รถ (7,000 บาท), หนี้บัตรเครดิต (3,000 บาท), ผ่อนมือถือ (800 บาท) รวมทั้งหมด 19,800 บาทจากสูตร DSR = 18,800 ÷ 50,000 x 100 = 39.60% แสดงว่า ถือว่าฐานะทางการเงินยังแข็งแรง มีความสามารถในการจ่ายหนี้แต่ละเดือนได้ตามปกติ แต่หากลดหนี้ลงไปได้ก็ควรลดอย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤต เงินทองหายาก ไม่รู้ว่าจะถูกเลิกจ้างวันไหน รายได้พิเศษก็ไม่เข้ามาเลยแม้แต่บาทเดียว หากต้องการทำให้สุขภาพการเงินมีความแข็งแรง นอกจากการลดค่าใช้จ่ายแล้ว การหยุดก่อหนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีอาจโต้แย้งว่าที่ผ่านมาเคยผ่อนหนี้เดือนละ 19,800 บาท จะให้มาลดทันที เจ้าหนี้คงไม่ยอม ที่สำคัญเมื่อไม่ผ่อนตามเงื่อนไขก็จะผิดเงื่อนไขและมีปัญหาตามมา เช่น ภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย หรือรถโดนยึด ดังนั้น หากให้การผ่อนหนี้ลดลงควรเริ่มต้นด้วยการหยุดกู้ยืมก้อนใหม่ ถัดมา คือ ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น หากทำได้จำนวนหนี้ที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือนจะลดลงจากตัวอย่างด้านบน เช่น หากหยุดการใช้บัตรเครดิต (3,000 บาท) ก็จะเหลือผ่อนหนี้แต่ละเดือน 16,800 บาท ทำให้ DSR เหลือ 33.60% หมายความว่า จะมีเหลือเงินในกระเป๋าเอาไว้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นตารางประกอบบทความอย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นในการก่อหนี้ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤติ จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อลดความเสี่ยงและภาระหนี้ในอนาคต ต่อไปนี้ คือ แนวทางการวางแผนก่อหนี้ให้เหมาะสมประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตัวเอง • ตรวจสอบรายรับ รายจ่าย เงินออม และภาระหนี้ที่มีอยู่ • คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ว่าสามารถผ่อนไหวหรือไม่ • พิจารณาถึงความมั่นคงของหน้าที่การงานและรายได้พิจารณาความจำเป็นในการกู้ยืม • กู้ยืมเงินเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ • หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย • พิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การหารายได้เสริมเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่าง ๆ • เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม เงื่อนไข และระยะเวลาการผ่อนชำระ • เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการผ่อนชำระกู้ยืมเงินในจำนวนที่จำเป็น • กู้ยืมเงินในจำนวนที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น • หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินเกินตัวเตรียมแผนสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉิน • เตรียมเงินสำรองเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด • วางแผนรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย เช่น ตกงานศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเงื่อนไขการกู้ยืม • อ่านสัญญาเงินกู้ให้ละเอียดก่อนเซ็นชื่อ • สอบถามข้อมูลให้ครบถ้วนชำระหนี้คืนตรงเวลา • วางแผนการผ่อนชำระหนี้ให้ชัดเจน • ชำระหนี้คืนตรงเวลาทุกงวด • หลีกเลี่ยงการจ่ายหนี้ล่าช้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ • ปรึกษานักวางแผนการเงิน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ • ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินและการจัดการหนี้จากนักวางแผนการเงินการก่อหนี้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤตอาจมีความเสี่ยงสูง จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูล ถามตัวเองว่าควรก่อหนี้แค่ไหนที่ไม่สร้างปัญหาด้านการเงินในระยะยาว และเมื่อตัดสินใจก่อหนี้ก็ต้องจ่ายหนี้คืนให้ตรงเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนด และเตรียมแผนสำรองการเงินเพื่อช่วยให้การกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในอนาคตแหล่งที่ข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1607247
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
01/08/2024
คปภ.ไฟเขียวกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพ คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ-ค่ารักษาพยาบาลจากโรคมะเร็งส่วนบุคคล สำหรับผู้ที่เคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อนทำประกันภัย และอยู่ในภาวะโรคสงบแล้ว ขณะที่ “ไทยวิวัฒน์” ยอมรับสนใจรับประกัน ชี้ค่าเบี้ยอาจต้องแพง ตามความเสี่ยงลูกค้านายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุด คปภ.ได้ออกคำสั่งนายทะเบียน เรื่อง กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรคมะเร็งส่วนบุคคล สำหรับผู้ที่เคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อนทำประกันภัย และอยู่ในภาวะโรคสงบแล้วอาภากร ปานเลิศสืบเนื่องจาก 1. ปัจจุบันสถิติผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย และมีแนวโน้มการป่วยด้วยโรคมะเร็งกับคนที่มีอายุน้อยเพิ่มสูงขึ้น 2. กรณีที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาแล้ว และต้องการขอเอาประกันภัยสุขภาพ พบว่าส่วนใหญ่จะถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากมีประวัติโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกันภัย3. เนื่องจากปัจจุบันมีวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่พัฒนาวิธีการรักษาหลากหลายวิธี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เช่น ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) ค่าใช้จ่ายประมาณ 92,000-144,400 บาท การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted Therapy) ค่าใช้จ่ายประมาณ 2.7-4.6 ล้านบาท และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ค่าใช้จ่ายประมาณ 3-15 ล้านบาท4. ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งส่วนใหญ่เป็นแบบจ่ายเงินก้อน (เจอ-จ่าย-จบ) และไม่ได้มีการออกแบบเพื่อให้ความคุ้มครองที่เป็นแบบค่ารักษาพยาบาลและ 5. เนื่องจากมีผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันภัยสุขภาพ (สัญญาแบบเดิม ที่ไม่ใช่ New Health Standard) เมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงและมีการเคลมค่ารักษาที่ค่อนข้างสูงต่อเนื่อง และบริษัทปฏิเสธการต่ออายุสัญญา ส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยกลุ่มนี้ ไม่สามารถเข้าถึงการประกันภัยสุขภาพได้อีก (เนื่องจากจะสมัครใหม่ก็จะถูกปฏิเสธ จากโรคที่เป็นมาก่อน)นายอาภากรกล่าวว่า คำสั่งฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ให้ครอบคลุมผู้เอาประกันภัยที่เคยป่วยด้วยโรคมะเร็งมาก่อนการทำประกันภัย และมีหลักฐานทางการแพทย์ว่ารักษาหายแล้ว หรือโรคอยู่ในภาวะสงบแล้ว โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุ2. ลดข้อกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยกลับมาป่วยเป็นโรคมะเร็งซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่โรคมะเร็งอยู่ในภาวะโรคสงบแล้ว3. แก้ไขปัญหาผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคร้ายแรงอื่น ๆ และถูกปฏิเสธการรับประกันภัยสุขภาพ รวมไปถึงกลุ่มที่เคยถูกปฏิเสธการต่ออายุสัญญาประกันภัยสุขภาพ4. นำไปเป็นต้นแบบพัฒนาต่อยอดกับกลุ่มคนที่เคยป่วยเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง) ให้สามารถรับประกันภัยกลุ่มนี้ได้“คปภ.ต้องการรองรับกลุ่มคนที่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งมาก่อน และอยู่ในภาวะโรคสงบแล้ว ที่มีความต้องการทำประกันภัยสุขภาพ ให้สามารถทำประกันภัยสุขภาพได้ โดยที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือร่วมกับ สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของสำนักงาน คปภ. เพื่อพิจารณากำหนดแบบและข้อความมาตรฐาน”อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างการปรับปรุงแบบและข้อความให้มีความเหมาะสม เช่น 1) เพิ่มคำนิยาม “ภาวะโรคสงบ” หมายถึง ภาวะโรคมะเร็งที่ไม่ใช่ระยะแพร่กระจาย (Metastasis) ซึ่งได้รับการรักษาครั้งสุดท้าย ตามการรักษาของแพทย์และต้องไม่มีอาการกำเริบหรือเป็นมะเร็งที่อวัยวะอื่นอีก โดยมีกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้1.1) มีผลตรวจสุขภาพว่า ไม่มีผลเลือดผิดปกติจาก Tumor Marker ไม่มีส่วนของเซลล์มะเร็งในกระแสเลือด ปัสสาวะ หรือน้ำคัดหลั่ง และไม่พบการเกิดของมะเร็งจากการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือภาพถ่ายทางรังสี หรือการตรวจทางรังสีวินิจฉัย และมีความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาพยาบาลยืนยันว่าไม่มีเซลล์มะเร็งหรือไม่มีอาการกำเริบ หรือ 1.2) มีผลตรวจสุขภาพตามข้อ 1. เป็นระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย X ปีขึ้นไป (ไม่เกิน 10 ปี)2) ปรับเงื่อนไข โรคที่เป็นมาก่อนการทำประกันภัย (Preexisting) เนื่องจากป่วยมาก่อนทำประกัน จึงไม่มีเงื่อนไขข้อนี้ และ 3) กำหนดระยะเวลาไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ได้ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่เริ่มมีผลคุ้มครองปีแรกนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นก็สนใจจะเข้าไปร่วมรับประกัน แต่ค่าเบี้ยประกันจะต้องแพง เพราะลูกค้าที่เคยป่วยเป็นมะเร็งมาแล้ว ความเสี่ยงจะมีมากกว่าคนที่ไม่เคยเป็น เพราะแทบจะเรียกว่ามีโอกาสที่จะกลับมาลุกลามได้ใหม่ หรือพฤติกรรมของการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่างจากคนที่ไม่ได้เป็นมาก่อนโดยการรับประกันจะขึ้นอยู่กับค่าเบี้ยประกันและทุนประกันภัย ตัวอย่างเช่น ซื้อทุนประกันภัย 100,000 บาท ค่าเบี้ยอาจจะอยู่หลักพัน แต่ถ้าซื้อทุนประกันภัย 500,000 บาท ค่าเบี้ยอาจจะอยู่หลักหมื่น“เราคงต้องวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมก่อน และดูว่าอัตราเบี้ยประกันมีจำกัดเพดานสูงสุดที่รับได้ไว้เท่าไหร่ คือเราเป็นธุรกิจ เพราะฉะนั้นค่าเบี้ยที่เราคิด ต้องตามความเสี่ยงของลูกค้า ถึงจะไม่ขาดทุน เหมือนกับการรับประกัน พ.ร.บ.มอเตอร์ไซค์ ที่วันนี้ไม่มีบริษัทประกันไหนขาย เพราะเบี้ยไม่สะท้อนถึงความเสี่ยง ซึ่งใช้หลักการเดียวกันเลย ถ้าเปิดช่องให้เบี้ยขึ้นได้พอก็รับประกันได้” นายจีรพันธ์กล่าวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1605667
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
01/08/2024
นิทรรศการ Perspectives Unbound นิทรรศการครั้งแรกของ La Lanta Fine Art ที่จัดขึ้น ณ Central Embassy รวบรวม 7 ศิลปิน ได้แก่ อรรถสิทธิ์ ปกป้อง, ชนิดา อรุงรังษี, ชำนาญ จงไพบูลย์, ชญานิน กวางแก้ว, เอกรัตน์ อรุณรัตน์, Jooeun Han และ วัฒนพล กิจบุรินทร์ สะท้อนถึงความเป็นตัวตนผ่านผลงานศิลปะPerspectives Unbound คือ การนำเสนออัตลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินแต่ละคน นำเสนอมุมมองและการตีความอารมณ์ที่หลากหลาย สะท้อนถึงความเป็นตัวตนผ่านผลงานศิลปะ มีทั้งภาพวาดและประติมากรรมจากศิลปินระดับประเทศ มากกว่า 30 ชิ้นนิทรรศการ Perspectives Unbound • วันจัดแสดง จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 – 31 กรกฎาคม 2567 • เวลา 10.00 – 22.00 น. • สถานที่ ชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี (ถนนเพลินจิต, เเขวง ปทุมวัน, กรุงเทพ) แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448455/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
01/08/2024
หนึ่งในน้ำตกที่สุดอลังการระดับเอเชีย ต้องยกให้น้ำตกในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว นั่นคือ “น้ำตกคอนพะเพ็ง” ที่มีความงดงาม ดุดัน น่าตื่นตื่นใจไม่น้อยภาพ: สำนักข่าวซินหัว (บันทึกภาพวันที่ 14 ก.ค. 2567)“น้ำตกคอนพะเพ็ง” แขวงจำปาสัก สปป.ลาว สายน้ำอันยิ่งใหญ่อลังการ เกิดจากการไหลบ่าอย่างดุดันเชี่ยวกรากของแม่น้ำโขง ก่อนจะไหลหักลงอย่างรุนแรงตามระนาบดิ่งตกจากแก่งหินขนาดมหึมาเกิดเป็นสายน้ำตกอันยิ่งใหญ่มหัศจรรย์สวยงาม จนถูกยกให้เป็น“ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”ภาพ: สำนักข่าวซินหัว (บันทึกภาพวันที่ 14 ก.ค. 2567)แม้จะเป็นน้ำตกที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ สายน้ำไหลเชี่ยวกรากดุดันรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ชื่อของคอนพะเพ็งมีความหมายในภาษาไทยที่น่ารัก คำว่าคอน คือ แก่ง ส่วน “พะเพ็ง”คือ “พระจันทร์วันเพ็ญ” คอนพะเพ็ง จึงหมายถึง “แก่งพระจันทร์วันเพ็ญ” หรือ “แก่งจันทร์เพ็ญ” ฟังดูโรแมนติกน้ำตกคอนพะเพ็งจะมีจุดชมวิวบนฝั่งอยู่ 3 จุดหลัก ให้มองลงไปเห็นความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ แต่ถ้าใครอยากลงเดินไปดูความยิ่งใหญ่อย่างใกล้ชิดขึ้น มีทางเดินเล็กๆจากริมตลิ่งให้เดินลงไปตามบริเวณโขดหินริมน้ำ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะก้อนหินโขดหินนั้นแหลมคม และอย่าเข้าไปใกล้สายน้ำมากนักภาพ: สำนักข่าวซินหัว (บันทึกภาพวันที่ 14 ก.ค. 2567)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000060537
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
01/08/2024
กรุงเทพฯ 12 กรกฎาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน มุ่งสนับสนุนคนไทยวางแผนอนาคตด้วยแบบประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของลูกค้าที่หลากหลาย พร้อมปกป้องความมั่งคั่งสำหรับครอบครัว และเตรียมความพร้อมเพื่อการเกษียณ หรือมอบให้เป็นของขวัญเพื่ออนาคตสำหรับลูกหลาน ซึ่งแบบประกัน กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน ได้ถูกออกแบบโดยต่อยอดจากความเชี่ยวชาญของเอไอเอ ในฐานะผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ผสานกับความเข้าใจถึงความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริงของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อมุ่งส่งเสริมให้คนไทยเริ่มวางแผนทางการเงิน สำหรับอนาคตที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืนนางสาวกมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานผลิตภัณฑ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงินที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งความร่วมมือกับเอไอเอในครั้งนี้นอกจากจะเป็นอีกทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคตแล้ว ยังเติมเต็มช่องว่างระหว่างแผนที่เน้นความคุ้มครองและแผนที่เน้นผลตอบแทนอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์แบบประกันชีวิตควบการลงทุน กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์สมาร์ท แพลน ออกแบบมาให้ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้เอง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่วางแผนไว้ โดยสามารถเลือกระยะเวลาในการชำระเบี้ยประกันภัย และเลือกลงทุนผ่านสามกองทุนรวมของกรุงศรี โดยเสนอขายผ่านสาขาของธนาคารกรุงศรีทั่วประเทศ ที่นอกจากจะให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกออกแบบแผนการประกันและการชำระเบี้ยได้เหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนทั้งในด้านความคุ้มครองและการลงทุน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าของเราได้มี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้” นางสาวศิริวรรณ มังกรกนก ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการสร้างความมั่งคั่งเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนการเงิน เราจึงได้ร่วมมือกันออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ ยูนิต ลิงค์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการประกันชีวิตของเอไอเอ ผนวกกับความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านความคุ้มครองชีวิต พร้อมสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในระยะยาว โดย กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีเป้าหมายหลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ต้องการความคุ้มครอง หรือ กลุ่มที่ต้องการวางแผนเก็บเงินเพื่อการเกษียณสำหรับตัวเอง หรือกลุ่มที่ต้องการส่งต่อความมั่งคั่ง หรือให้เป็นของขวัญสำหรับบุตรหลาน ซึ่งเรามั่นใจว่าแบบประกันตัวนี้จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น สอดคล้องตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถ ออกแบบแผนประกันให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลและเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะหากต้องการการวางแผนการเงินเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยสามารถออกแบบความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยเพื่อตอบโจทย์แต่ละเป้าหมายการเงินของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป เช่น การออกแบบเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งจะเป็นการให้ลูกค้ามีความคุ้มครองในระยะยาว พร้อมกับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ส่วนแผนเกษียณ จะเป็นการออกแบบเป้าหมายทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับตัวเองว่ามีเป้าหมายจะใช้เงินเกษียณเท่าไหร่ และควรจะชำระเบี้ยประกันประมาณเท่าไหร่ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการเกษียณของแต่ละบุคคลโดยประกันชีวิตควบการลงทุน กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน มีรายละเอียด ดังนี้ - อายุรับประกันภัย ตั้งแต่อายุ 15 วัน ถึง 60 ปี - สามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยฯ ได้ทั้งแบบ 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี - เบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง ขั้นต่ำ 30,000 บาท (รายปี) โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด และสามารถเพิ่มจำนวนเงินลงทุนโดยการชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษได้ - รับโบนัสเพิ่มเงินออม (Saving Booster Bonus) จำนวน 1 ครั้ง ในอัตราสูงสุด 40% ของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครองปีแรก เมื่อเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ - เพิ่มโอกาสสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว โดยการลงทุนผ่านสามกองทุนรวมกรุงศรี The Oneสนใจ กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน สามารถติดต่อได้ที่ สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือ Krungsri Call Center 1572 และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.krungsri.comหมายเหตุ: - ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง- ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์- กรุงศรี ประกันยูนิตลิงค์ สมาร์ท แพลน เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกัน เอไอเอ สมาร์ทแพลน (ยูนิต ลิงค์)- การทำประกันชีวิตแบบยูนิต ลิงค์ ไม่ใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยง ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงศึกษา อ่าน และทำความเข้าใจในเอกสารประกอบการเสนอขายและหนังสือชี้ชวนของกองทุน ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยและลงทุน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
01/08/2024
กรุงเทพฯ, 10 กรกฎาคม 2567 – กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท”; รหัสหลักทรัพย์: 1299) ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า เอไอเอเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีจำนวนสมาชิกสโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) มากที่สุดในโลก 10 ปีติดต่อกันเอไอเอ ประเทศจีน เอไอเอ ฮ่องกง และ เอไอเอ ประเทศไทย เป็นบริษัทสามอันดับแรกที่มีจำนวนสมาชิก MDRT มากที่สุดในโลกนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เอไอเอประสบความสำเร็จก้าวขึ้นเป็นบริษัทเดียวที่มีจำนวนสมาชิก MDRT อันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 10 ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณภาพอันโดดเด่นของพลังตัวแทนพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรา ซึ่งสร้างความแตกต่างให้เอไอเอในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม ตัวแทนนระดับโลกของเราถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารักษาความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้าของเรา และพวกเขายังสามารถสร้างความแตกต่างในเชิงบวกให้กับผู้คนในชุมชนทั่วภูมิภาคเอเชียที่เอไอเอให้บริการอยู่”นายแจ็คกี้ ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคและประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางการขาย กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “ผมรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งกับพลังตัวแทนเอไอเอและผู้นำทัพพลังตัวแทนของเรา ซึ่งพวกเขาถือเป็นมาตรฐานระดับสูงของอุตสาหกรรม ความสำเร็จในการที่เรามีจำนวนสมาชิก MDRT มากที่สุดในระดับโลกอีกครั้ง ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความทุ่มเทในการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เรายังคงมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะลงทุนให้กับพลังตัวแทนของเราโดยมอบการฝึกอบรม เครื่องมือ รวมถึงการสนับสนุนอย่างดีที่สุดเพื่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”สโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) ได้รับการยอมรับว่าเป็น Premier Association of Financial Professionals® หรือสมาคมด้านมาตรฐานความเป็นเลิศของธุรกิจประกันชีวิตและบริการทางการเงิน โดยสมาชิก MDRT จะถูกกำหนดขั้นต่ำของเบี้ยประกันภัย ค่าคอมมิชชัน และรายได้ ตลอดจนสามารถแสดงให้เห็นถึงความรู้ทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีจรรยาบรรณที่เข้มงวด และมีการบริการลูกค้าที่โดดเด่นหมายเหตุ:*ข้อมูล MDRT 2024 ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 จาก www.mdrt.org
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
01/08/2024
Jamsan (จัมซัน) นำผลงานภาพวาดหนังสือนิทานเด็กใน It's Okay to Not Be Okay ซีรีส์เกาหลีเรื่องดัง พร้อมผลงานภาพวาดชุด Red Chair และ Rose from the Stars จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกที่กรุงเทพฯครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อ Jamsan (ออกเสียง จัมซัน) ศิลปินชาวเกาหลีใต้ผู้มีชื่อเสียงจากการทำ หนังสือนิทาน (storybook) ประกอบซีรีส์ดัง It's Okay to Not Be Okay เดินทางนำผลงานวิจิตรศิลป์ของเขามาจัดแสดงร่วมกับงานคอนเซ็ปต์อาร์ต (Concept Art) และภาพประกอบ (Illustration) ในชื่อ นิทรรศการ Jamsan's Director's Cut ที่กรุงเทพฯนิทรรศการ Jamsan's Director's CutJamsan อายุ 50 ปี มีชื่อจริงว่า “คังซัน” เป็นนักวาดภาพประกอบชาวเกาหลีใต้รุ่นแรกที่บุกเบิกอาณาจักรของคอนเซ็ปต์อาร์ตในเกาหลี กล่าวได้ว่าเขาเป็นศิลปินในกลุ่ม concept artist คือศิลปินซึ่งสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เหมือนหรือไม่ต้องเหมือนงานศิลปะก็ได้ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวคิดผลงานคอนเซปต์อาร์ตที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ‘จัมซัน’ อย่างท่วมท้นในเวลาข้ามคืน คือการสร้างสรรค์ หนังสือนิทานภาพวาด (storybook) ให้กับซีรีส์สุดฮิตของเครือข่ายเคเบิล tvN เรื่อง It's Okay to Not Be Okay เมื่อปี 2563 ซึ่งโด่งดังในหลายประเทศ รวมทั้งไทยที่มีชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่า “เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน”ถึงขนาดที่ว่า หลังซีรีส์จำนวน 16 ตอน จบลงไปในเดือนสิงหาคม 2563 แต่ หนังสือนิทานภาพวาด It's Okay to Not Be Okay ยังคงทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นพาดหัวข่าวสื่อบันเทิงเกาหลีต่อไปอีก เพราะบริษัทผู้ผลิตซีรีส์ตัดสินใจตีพิมพ์ หนังสือนิทานเด็ก 5 เล่ม ที่ปรากฏในซีรีส์ แล้ววางจำหน่ายจริงในร้านหนังสือผลปรากฏว่า หนังสือนิทานจำนวน 5 เล่มดังกล่าว ติดอันดับรายชื่อหนังสือขายดี 20 อันดับแรกของเดือน ตามข้อมูลของเว็บไซต์ Kyobo Bookstore และ YES24อาร์ตเวิร์ค Boy Who Grew up Eating Nightmaresที่ในซีรีส์ It's Okay to Not Be Okay ต้องมีหนังสือนิทานก็เพราะนางเอกในเรื่องชื่อ โกมุนยอง ซึ่งรับบทโดย ซอเยจี (Seo Yea-ji) เป็นนักเขียนหนังสือเด็กชื่อดังและมีข่าวลือว่าเธอมีบุคลิกภาพต่อต้านสังคม หนังสือนิทานเด็กที่ตัวละคร "โกมุนยอง" วาด จึงมีเอกลักษณ์ดูแปลกตา แตกต่างไปจากหนังสือนิทานเด็กทั่วไปที่มีสีสันสวยงาม หนังสือนิทานทั้ง 5 เล่มในซีรีส์ก็คือ • Boy Who Grew up Eating Nightmares • Zombie Kid • The Cheerful Dog • The Hand, the Monkfish • Finding the Real Faceด้วยความสําเร็จของซีรีส์และหนังสือนิทานทั้ง 5 เล่ม ได้มีการตีพิมพ์หนังสืออีก 2 เล่มที่มีสคริปต์ของละคร It's Okay to Not Be Okay 1 และ 2 เพิ่มเข้ามาในคอลเลคชั่นในนิทรรศการสุดพิเศษ Jamsan's Director's Cut จัมซันได้นำต้นฉบับภาพวาดของหนังสือนิทานประกอบซีรีส์ It's Okay to Not Be Okay มาจัดแสดงให้ชมและเดินทางมาเปิดนิทรรศการด้วยตนเอง • นิทรรศการ Jamsan's Director's CutJamsan มีชื่อจริงว่า “คังซัน”นิทรรศการ Jamsan's Director's Cut พาทุกคนไปสัมผัสกับเส้นทางการสร้างสรรค์ศิลปะอันหลากหลายของ “จัมซัน” ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นดินแดนแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ด้วยลายเส้นของศิลปินรวมทั้งเรื่องราวภาพวาดแฟนตาซีเหนือจริงในภาพวาดชุด Red Chair และ Rose from the Stars การผจญภัยของเด็กสาวนาม Rose อันเป็นที่รักของผองเพื่อนรวมไปถึงผลงานคอนเซ็ปต์อาร์ตที่เขาชื่นชอบและถนัดมากกว่า 30 ปี จากซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay และเรื่อง Encounter (Boyfriend)เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนรักศิลปะซึ่งสนใจและหลงใหลในศิลปะจากเกาหลีใต้จะได้มาเปิดประสบการณ์ผ่านผลงานศิลปะ ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงออกถึงทักษะความเชี่ยวชำนาญ แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวและความหมายอันลึกซึ้ง • ส่วนจัดแสดงนิทรรศการชั้นแรกพื้นที่หนึ่งในส่วนจัดนิทรรศการชั้นล่างของแกลลอรีผู้เข้าชมจะได้พบกับจิตรกรรมร่วมสมัย 25 ชิ้น ซึ่งรวมถึงผลงานภาพวาดชุดแรก Red Chair (เก้าอี้สีแดง) มาจนถึง Rose from the Stars (กุหลาบจากดวงดาว) ทั้งหมดนำมาเสนอในรูปแบบใหม่ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเด็กผู้หญิงกับหมีแดงและสายสัมพันธ์ซึ่งแยกกันไม่ออก ชิ้นงานเหล่านี้โดดเด่นด้วยความแตกต่างของสีซึ่งมีชีวิตชีวา รวมทั้งองค์ประกอบบนผืนผ้าใบอันเป็นเอกลักษณ์และดึงดูดสายตาอย่างที่ไม่เคยเห็นในผลงานของจัมซันมาก่อน ภาพวาดชุด Red ChairRed Chair เป็นสัญลักษณ์ของ “สถานที่พักผ่อน” สําหรับเด็กผู้หญิง ดวงดาว และดอกกุหลาบ ศิลปินวาดเก้าอี้ด้วยสีแดงเพราะเป็นสีสัญลักษณ์ของดอกกุหลาบและความรักจัมซัมวาดภาพเด็กผู้หญิงนั่งบนเก้าอี้สีแดงพร้อมกับแสดงการเดินทางในใจของเธอ ทุกฉากหลังในแต่ละภาพคือทิวทัศน์ในความคิดของเธอเองภาพวาดชุด Rose from the Stars หมายถึงการเดินทางของดอกกุหลาบที่บานจากดวงดาวอันไกลโพ้นศิลปินกล่าวว่า เด็กผู้หญิงในภาพคือดอกกุหลาบที่กำลังเดินทาง เด็กหญิงอยากรู้อยากเห็นโดยเผชิญหน้าและมองเข้าไปในสถานที่ที่เรารู้จักหรือแม้แต่สถานที่ที่ลึกที่สุดในใจเรา ได้เจอกับเรื่องราวต่างๆ ในเส้นทางเลือกเดิน ตัวละครนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เขาเจอมาในอดีตด้วยจัมซันอธิบายภาพวาดชุด Rose from the Stars (สีน้ำมันบนผ้าใบ)“ภาพวาดที่มีดวงดาวตกอยู่ที่พื้น และดาวที่กำลังตกมาจากฟ้า อยากให้ทุกคนเห็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตตอนนี้อาจจะผ่านไปแล้ว หรืออาจยังมาไม่ถึงก็ได้” จัมซัน กล่าวขณะนำชมนิทรรศการ พร้อมกับยกตัวอย่างภาพวาดเด็กหญิงกำลังยืนมองหมู่ดาวที่กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าลงสู่พื้นว่า“ก่อนที่ดาวจะตกลงมา ทุกคนก็จะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตใช่ไหม เป็นช่วงเวลาที่เด็กผู้หญิงคนนี้กำลังจดจำช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต เหมือนเป็นความรู้สึกให้ทุกคนรู้สึกว่าช่วยจดจำฉันหน่อยในเวลาที่ฉันดีที่สุดแบบนี้ เหมือนอยากจะรักษาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเก็บไว้กับตัว”จัมซันอธิบายสัญลักษณ์ต่างๆ ในภาพวาดภาพวาดเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกส่วนตัวของศิลปิน เช่น ดอกกุหลาบเหี่ยวเฉา พูดเรื่องเรากำลังละเลยความรักอยู่หรือไม่, บ้านสีฟ้า เป็นตัวแทนความเจ็บปวดในชีวิตที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่มาในบ้านหลังนั้น (ลองไปหากันดูว่าอยู่ในภาพใด)ขณะที่ ต้นกระบองเพชรที่มีหนาม เป็นตัวแทนของความเจ็บปวด บางภาพมีเด็กผู้หญิงกำลังถือต้นกระบองเพชรไว้ในมือ แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ทุกคนเก็บไว้Red Chair Art Toys อาร์ตทอยครั้งแรกของ Jamsanถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องทำหน้าตาแบบนี้ตลอด ศิลปินตอบว่า “สิ่งที่ยากที่สุดคือการวาดปากเด็กผู้หญิงคนนี้ มือสั่นมากตอนวาด จริงๆ ปากเด็กผู้หญิงคนนี้บางกว่าลายเซ็นของผมอีก แต่ปากก็ดึงความรู้สึกของรูปนั้นๆ ได้ดี”ในพื้นที่นิทรรศการชั้นล่างนี้ยังมีการเปิดตัว อาร์ตทอย ชิ้นแรกของจัมซันซึ่งสร้างสรรค์โดยความร่วมมือกับ Maison JE Bangkok (เมซง เจอี กรุงเทพฯ) แกลลอรีซึ่งเป็นสถานที่จัดนิทรรศการฯ • ส่วนจัดแสดงนิทรรศการชั้น 2Jamsan พูดถึงการทำหนังสือนิทานให้ซีรีส์ It's Okay to Not Be Okayแฟนศิลปะและแฟนซีรีส์เกาหลีพลาดไม่ได้กับการจัดแสดงผลงานคอนเซ็ปต์อาร์ตและภาพวาดดิจิทัลจากซีรีส์เรื่อง It's Okay to Not Be Okay และซีรีส์เรื่อง Encounter (Boyfriend) ซึ่งเป็นงานศิลปะที่มีคุณภาพสูงและภาพประกอบอันยอดเยี่ยม หลายชิ้นงานนำออกมาแสดงที่นี่เป็นครั้งแรก“ตอนที่ทำผลงานเพื่อไปใส่ในซีรีส์ ผมค่อนข้างมีเวลาน้อย อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำต้องวาดออกมาแล้ว ได้โทรศัพท์คุยกับผู้กำกับซีรีส์” จัมซัม กล่าวถึงการจัดทำหนังสือนิทานภาพวาดที่ใช้ในซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay ซึ่งพอคิดกลับไปแล้วก็เหนื่อยแน่นอนจัมซันยังไม่ได้ดูซีรีส์ เพราะซีรีส์ยังไม่ได้ถ่ายทำ เขาจึงต้องฟังความคิดเห็นจาก พัคชินอู (Park Shin-woo) ผู้กำกับซีรีส์ และกลั่นกรองออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการตัดสินใจเลือกทำอะไรคือสิ่งสำคัญที่เราต้องทำให้เร็ว เป็นช่วงเวลาที่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆอาร์ตเวิร์คหนังสือนิทาน Finding the Real Face ในซีรีส์ It's Okay to Not Be Okayอาร์ตเวิร์ค Finding the Real Faceลายเส้นในหนังสือนิทาน Boy Who Grew up Eating Nightmares ประกอบซีรีส์ It's Okay to Not Be Okayจัมซันเล่าต่อไปว่า เนื่องจากหนังสือนิทานน่าจะปรากฏในฉากต่างๆ ไม่กี่วินาที ด้วยความที่อยากแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านเข้าไปในภาพวาดที่จะเห็นเพียงไม่กี่วินาที จึงเลือกวิธี 'การวาดเส้น'“ผมคิดว่า การวาดด้วยเส้นไปสัมพันธ์กับความรู้สึกของคนดู ทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับภาพของผมได้ กลายเป็นว่าทำให้ทุกคนชื่นชอบและได้มีฉากที่นำภาพวาดของผมออกมาในซีรีส์มากขึ้น”Jamsan สาธิตการวาดภาพ Zombie Kidอาร์ตเวิร์ค Zombie Kid ในซีรีส์ It's Okay to Not Be Okayอาร์ตเวิร์ค Zombie Kidหนังสือนิทานประกอบซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ได้ใช้สีสันสดใสและไม่มีสีมากมาย จัมซัมมองว่าในซีรีส์ นักแสดงสามารถสื่อสารและถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างดีอยู่แล้ว ถ้าใส่สีในหนังสือนิทานมากเกินไป การส่งต่อความรู้สึกหรือการสื่อสารอาจไม่สามารถทำได้ดีมากในการใช้ในซีรีส์การที่เขาเลือกใช้สีโทนมืด (dark color) กับหนังสือนิทานเพื่อแสดงความเสียหายทางอารมณ์ที่ตัวละครในซีรีส์ได้รับ แม้แต่การใช้ สีแดง อย่างเข้มข้น ในหนังสือนิทานเรื่อง Zombie Kid ก็ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันจัมซันกล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการวาดภาพในหนังสือนิทานชุดนี้คือ “การวาดให้ตัวเหมือนไม่มีกระดูก ต้องทำให้ภาพลักษณ์ดูจดจำได้ง่าย การเว้นระยะห่างของตัวละครในบางภาพก็สำคัญที่สุด”ภาพวาดประกอบซีรีส์ Encounter (Boyfriend)ในนิทรรศการ Jamsan's Director's Cut ยังมีภาพวาดประกอบซีรีส์เรื่อง Encounter (Boyfriend) ซึ่งจัมซันสร้างสรรค์คอนเซ็ปตอาร์ตโดยนำเสนอแต่ละตอนราวกับเทพนิยายสำหรับผู้ใหญ่ เน้นไปที่องค์ประกอบเชิงสัญลักษณ์เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ “ประสบการณ์ด้านคอนเซ็ปต์อาร์ตและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำให้ผมมีความสามารถในการสื่อสารความรู้สึกด้วยภาพ จนได้รับความซาบซึ้งและเห็นอกเห็นใจจากผู้ชม”ภาพวาดประกอบซีรีส์ Encounter (Boyfriend)ภาพวาดประกอบซีรีส์ Encounter (Boyfriend)หนังสือ Artist Jamsan Red Chair ArtbookJamsan เซ็นชื่อให้กับผู้ซื้อหนังสือ Artist Jamsan Red Chair Artbookภายในงานนิทรรศการยังมีหนังสือศิลปะเล่มพิเศษ Artist Jamsan Red Chair Artbook สำหรับจำหน่ายเป็นของที่ระลึกอันทรงคุณค่า ซึ่งผู้ชมสามารถนำความทรงจำและความประทับใจจากนิทรรศการกลับบ้านไปด้วยหนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนบันทึกการเดินทางทางศิลปะที่ผ่านมาของจัมซัน โดยได้รวบรวมเรื่องราวแนวความคิดการทำงานของเขาไว้อย่างละเอียด พร้อมภาพผลงานต้นฉบับซึ่งหาดูได้ยากแกลลอรี Maison JE Bangkok ถนนสุรวงศ์นิทรรศการ Jamsan's Director's Cut จัดแสดงที่ Maison JE Bangkok (เมซง เจอี กรุงเทพฯ) ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ วันที่ 22 มิ.ย.-21 ก.ค.2567 เวลา 11.00-19.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1135736
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
01/08/2024
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมต้องเปิดหน้าต่างเครื่องบินทุกครั้ง เวลาที่เครื่องบินขึ้น-ลง เพราะทุกครั้งเมื่อใกล้เวลาที่เครื่องบินจะเทคตัวขึ้น หรือ ลงจอดเมื่อถึงจุดหมาย กัปตันประกาศทุกครั้งให้ผู้โดยสารเปิดม่านหน้าต่างเครื่องบินเสมอ ตามมาด้วยลูกเรือต้องเดินตรวจสอบ ทั้งที่บางครั้งแดดยังส่องผู้โดยสารอยู่เลย หรือบางคนก็รู้สึกกลัวต้องหลับตาปี๋เอาเอง คุณเคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไม จะส่งผลเรื่องอะไรบ้าง เรามาไขข้อสงสัยกัน คำตอบจากสายการบินให้เหตุผลว่าเป็นเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เนื่องจากเวลาเครื่องขึ้นและลงเป็นช่วงเวลาที่สามารถเกิดสิ่งผิดปกตินอกเครื่องได้ซึ่งนอกจากการเปิดหน้าต่างจะช่วยให้ลูกเรือสามารถสังเกตการณ์ได้แล้ว ผู้โดยสารทุกคนยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติภายนอกเครื่องบินด้วยเช่นกัน ซึ่งหากกล่าวแยกเป็นสถานการณ์แล้วสามารถแบ่งได้เป็นวัตถุประสงค์หลักได้ 3 ประการทำไมต้องเปิดหน้าต่างเครื่องบินทุกครั้ง เวลาที่เครื่องบินขึ้น-ลง1. เพื่อให้บรรดาลูกเรือ หรือ Cabin Crew ได้เห็นสภาพภายนอกได้ชัดก่อนที่เครื่องบินจะเทคตัว หรือ แลนดิ้งนั้นการเปิดหน้าต่างสำคัญมากสำหรับบรรดาลูกเรือเพราะจะทำให้เขาและเธอนั้นได้สังเกตสภาพภายนอกตัวเครื่อง หากเกิดเหตุฉุกเฉินแสงสว่างที่ลอดมาทางหน้าต่างจะทำให้ลูกเรือสามารถพาผู้โดยสารไปยังประตูฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที2. กรณีฉุกเฉิน การช่วยเหลือจากด้านนอกจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเครื่องได้ชัดเจนขึ้นเมื่อมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นการให้ความช่วยเหลือจากด้านนอกนั้น จำเป็นที่จะต้องสังเกตความเป็นไปในตัวเครื่องการเปิดหน้าต่างเครื่องเอาไว้ จะทำให้เจ้าหน้าที่ รู้สภาพภายในเครื่องได้เป็นอย่างดี3. ผู้โดยสารเองก็มีส่วนช่วยในการสังเกตหลายครั้งที่มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นบนเครื่องบิน ผู้โดยสารจะเป็นคนเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้านนอกตัวเครื่อง ขณะที่บรรดาลูกเรือ อาจจะยุ่งจนไม่ได้สังเกต ดังนั้นการที่เปิดหน้าต่างเอาไว้จะทำให้ผู้โดยสาร ได้ช่วยสังเกตเพื่อความปลอดภัยของตนเองไปด้วย4. เพิ่มแสงสว่างเวลาเครื่องขึ้นลงนั้น ไฟในตัวเครื่องจะถูกปิดทั้งหมด การเปิดหน้าต่างจะช่วยให้เพิ่มแสงสว่างภายในเครื่องได้เป็นอย่างดีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1404033/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
31/07/2024
การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย เพราะต้องประเมินความเสี่ยงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สภาวะเศรษฐกิจ, เงินทุน, ความเสี่ยงสินค้าที่จะผู้ประกอบการกำลังปรึกษาธุรกิจผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์ร่วมกับคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เรื่องคนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสสองของปี 2567 โดยเก็บข้อมูลประชาชนทั่วไปจำนวน 1,228 คน ในช่วงวันที่ 18-28 มิ.ย.2567 (เปรียบเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้านี้ในเดือน มี.ค.67) พบประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้- ร้อยละ 43.9 เห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคตมากที่สุด ลดลงร้อยละ 8.4 จากการสำรวจครั้งก่อน- ร้อยละ 38.7 มีความรู้ ความสามารถ รวมถึงทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ลดลงร้อยละ 5.9 จากการสำรวจครั้งก่อน- ร้อยละ 59.9 ไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากการสำรวจครั้งก่อน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 50.4 กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน รองลงมาร้อยละ 45.1 บอกปัญหาข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง, ร้อยละ 43.6 ไม่มีเงินทุนมากพอ, ร้อยละ 31.1 บอกน้ำมันเชื้อเพลิงต่าง ๆ ราคาสูงขึ้น และ ร้อยละ 27 บอกขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252591
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/04/2024
09/04/2024
29/04/2024
20/06/2024